วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตำนานรักผาแดง - นางไอ่ ตอนที่ ๑๗ โดย พี่กิตติธร


...ตอนที่ ๑๗


.....พรานกงเล็งหน้าไม้เข้าใส่ร่าง
พอตรงทางยิงพลันทีนั้นหนา
ลูกหน้าไม้รุนแรงแทงกายา
เสียบอุรากระรอกน้อยลอยกระเด็น

แสนปวดแปลบแสบหทัยหายใจขัด
โอ้กรรมซัดตามจองให้มองเห็น
ธาตุทั้งสี่ลาญแหลกแตกกระเซ็น
ภังคีเห็นความตายไม่วายแค้น

ก่อนตายจึงตั้งจิตพิษฐาน
ให้นายพรานได้เนื้อมากเหลือแสน
ขอกายข้าจงใหญ่ไม่ขาดแคลน
ทั้งเขตแดนกินได้ทั่วทุกตัวคน

ขอให้คนทั้งหลายอยากได้กิน
ให้ลิ้มสิ้นกันทั่วหัวถนน
กลิ่นกายข้าจงติดสนิทคน
ขอให้ผลที่มันทำตามมาทัน

แม้นใครกินเนื้อกูที่รู้ชัด
จงวิบัติชีพสลายทำลายขันธ์
อย่าได้มีความสุขทุกคืนวัน
กรรมจงทันดุจดังข้าจำนง

อธิษฐานเสร็จสรรพก็ดับจิต
กรรมลิขิตขีดไว้ไม่ลืมหลง
กระรอกน้อยดาวดิ้นชีวินปลง
ตามจำนงคำหอมครั้งตรอมตาย

☼.....ครั้นกระรอกสิ้นใจให้ประหลาด
มีขนาดฟูฟ่องพองขยาย
ตัวใหญ่โตตามจิตตั้งครั้งก่อนตาย
พลันขยายกายาน่าอัศจรรย์

พรานงุนงงแปลกใจไม่วายเว้น
ไม่เคยเห็นสัตว์ตายกลับกลายขันธ์
กระรอกน้อยมาเติบใหญ่อย่างไรกัน
เมื่อเทียบทันกับช้างก็ข้างเคียง

เหล่านายพรานดีใจได้แก้แค้น
ต่างชูแขนเหนือหัวระรัวเสียง
โห่ร้องกันท่วมทับสรรพสำเนียง
ตะเบ็งเสียงโห่ลั่นสนั่นไพร

ในที่สุดกงพรานก็บัญชา
เหล่าบรรดาลูกน้องที่ผ่องใส
ให้พากันชักลากเอาซากไป
เพื่อจะได้ชำแหละแหวะกมล

จะได้เอาหัวใจให้ไอ่คำ
ตามพระดำรัสหนอไม่ฉ้อฉล
ครั้นหาที่เหมาะได้ไม่ไกลคน
แหล่งชุมชนใกล้ถนนชลธี

ก่อนชำแหละสรรพางค์ร่างกระรอก
พรานกงบอกเอาหัวใจให้ไอ่ศรี
อยากได้คนฝึกปรือฝีมือดี
เอาฤดีกระรอกออกมาพลัน

ไม่มีใครอาสาผ่าอกนาค
ยังเกรงซากนาคีมีอาถรรพ์
หันซ้ายขวาจับจ้องมองหน้ากัน
ทันใดนั้นเซียงน้อยค่อยย่างมา

อันเซียงน้อยรู้เรื่องก็เยื้องยาตร
ไม่ขี้ขลาดอาจหาญขันอาสา
มีฝีมือชำแหละแหวะอุรา
เอามีดผ่าควักใจไม่เนิ่นนาน

จากนั้นเซียงเชือดเถือเนื้อกระรอก
ผ่าตัดออกมังสามหาศาล
เนื้อกระรอกพอกพูนคูณเบิกบาน
ทุกคนช่วยกิจการแบ่งปันเนื้อ

สถานที่แล่เนื้อเพื่อแบ่งปัน
ปัจจุบันยังถือมีชื่อเหลือ
บ้านเชียงแหวตรงนี้ที่แล่เนื้อ
แต่ว่าเมื่อกาลเปลี่ยนพูดเพี้ยนไป

คนอีสานบรรพชาสามเณร
พอลาเว้นสิกขามาคราไหน
จะมีคำนำหน้าว่าเซียงไป
เพื่อรู้ได้ชายนั้นเคยบรรพชา

เรียกเซียงแหวะเปลี่ยนเสียงเป็นเชียงแหว
เรื่องเก่าแก่โดดเด่นเป็นผญา
อยู่ในผูกใบลานนมนามมา
ให้รู้ว่าเชียงแหวหรือคือตำนาน

บัดนั้น บรรดาประชาชน
เกือบทุกคนแผ่เผื่อเลือดเนื้อหวาน
อยากได้มากก็ได้มากหากต้องการ
ยังเหลือล้นเต็มลานบานตะไท

ส่วนทางบ้านเซียงแก้วก็แว่วยิน
ว่าทุกถิ่นแบ่งปันกันไฉน
บ้านตนล้วนคนหม้ายน่าหน่ายใจ
ใครต่อใครไม่นิยมสมคบตน

จึงมิได้แม้เนื้อที่เหลือปัน
ด้วยตัวนั้นเป็นหม้ายเขาไม่สน
เขารังเกียจหลีกหลบไม่คบตน
ไม่มีคนเป็นคู่เขาดูแคลน

บ้านเซียงแก้วเมืองแม่หม้ายในครั้นนั้น
ปัจจุบันเกาะแก้วเรืองดั่งเมืองแถน
มีเจดีย์พระธาตุสะอาดแดน
ไม่แร้นแค้นตระการหมู่บ้านคน

ชื่อหมู่บ้านดอนแก้วตามแนวเรื่อง
ว่าเป็นเมืองแม่หม้ายไร้ชายสน
เปลี่ยนจากเซียงเป็นดอนไปตามใจคน
กาลว่ายวนสิ่งใดล้วนไม่ยืน

คนทั้งหลายจานเจือเนื้อกระรอก
ทุกซอยตรอกแบ่งสรรกันทั่วพื้น
ลิ้มกระรอกอร่อยลิ้นได้กินกลืน
กันทั่วผืนแผ่นดินขอมจอมบุรี

ส่วนหัวใจพรานกงบรรจงห่อ
เพื่อลออไอ่องค์ผู้ทรงศรี
นำไปก่อนใครใครในธานี
เพื่อถวายรานีมีรางวัล

พรานงีบหลับริมทางระหว่างไป
โคนต้นไม้งีบนอนพักผ่อนขันธ์
พอได้พักกายีมีแรงพลัน
เจ้าก็มั่นมุ่งไปในวังเวียง

ตรงที่พรานงีบหลับพับคอนั้น
ปัจจุบันเรียกบ้านเซียบเพราะเงียบเสียง
อนุสรณ์งีบหลับดับสำเนียง
ระหว่างเวียงกับที่แล่แถเนื้อกัน

นายพรานนำหัวใจไปถวาย
พระธิดาพรรณรายตามใฝ่ฝัน
เจ้าหญิงน้อยดีพระทัยให้รางวัล
พรานก็พลันทูลลามาบ้านตน

ฝ่ายบริวารนาคาเจ้าบาดาล
เห็นนายพรานฆ่านายให้สับสน
ต่างโผผินบินหนีอลวน
รีบพาตนแหวกธาราสู่บาดาล

พญาศรีสุทโธกริ้วโทสา
เมื่อหมู่นาคเสนามาเล่าขาน
โกญจนาทผาดแผลงสำแดงดาน
สะเทือนท้านลั่นก้องคะนองไป

นทีฟองนองระลอกกระฉอกคลื่น
เขย่าผืนสมุทรลั่นสนั่นไหว
หมู่เงือกงูมัจฉาผวาใจ
ต่างหวั่นไหวกลัวฤทธิ์พิษนาคา

แล้วสั่งให้ขุนพลเร่งขนทัพ
ไม่ต้องนับนำไปให้หมดหนา
กูจะยกพหลพลโยธา
ไปขยี้ชติตาให้ล่มจม

ให้ตระเตรียมกองทัพนับเป็นสอง
ทัพหนึ่งต้องยิ่งใหญ่ให้เหมาะสม
จัดทหารน่าดูเป็นหมู่กรม
แล้วระดมขึ้นตรงลำโขงมา

เข้าไปทางตะวันออกนอกธานี
บดขยี้พวกมันให้หรรษา
จากแผ่นดินให้เห็นเป็นธารา
เว้นแต่ว่าผู้ใดมิได้ลอง

แม้มิได้กินร่างของภังคี
ไว้ชีวีอย่าผจญให้หม่นหมอง
อีกพระเถรเณรชีมีศีลครอง
อย่าแตะต้องคนดีมีศีลธรรม

..........<มีต่อ>
6/10/54

ไม่มีความคิดเห็น: