วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ตำนานรักผาแดง - นางไอ่ ตอนที่ ๑๓ โดย.พี่กิตติธร


ตอนที่ ๑๓


.....บริวารนั้นเล่าก็เข้าที่
คอยดูวี่แววภัยไม่หน่ายแหนง
ส่วนพรานกงนั้นเล่าเฝ้าระแวง
คอยจัดแจงหวังกำจัดด้วยขัดเคือง

อันดงเยอปัจจุบันที่ท่านเห็น
กลายมาเป็นชุมชนคนย่างเยื้อง
เรียกผิดแผกแปลกวาจาว่าดงเมือง
ที่รุ่งเรืองคนมากหลากการงาน

กลางอำเภอกุมภวาปีที่อุดร
อนุสรณ์คนเก่าเล่าสืบสาน
ปากต่อปากสืบต่อก็นมนาม
ให้ลูกหลานรู้ดีถึงที่มา.

ฝ่ายพรานกงหาช่องทางอย่างลำบาก
ด้วยยุ่งยากคิดคุดสุดจะหา
ไม่อาจเห็นกระรอกด่อนซ่อนกายา
ต้องถ่างตาคอยจ้องมองทั้งคืน

ครั้นอรุโณทัยไต่ขอบฟ้า
ท้องนภารุ่งสางต่างตื่นฟื้น
นาคปลุกนายที่รอดตลอดคืน
ให้ลุกยืนเร็วรี่รีบหนีไป

☼.....กระรอกด่อนมุ่งหน้าบูรพาทิศ
หวังชีวิตคงอยู่คู่แขไข
แต่เพราะหวั่นในอกตระหนกใจ
อีกทั้งกรรมทำไว้ได้ติดตาม

จึงอาเพศเหตุให้คิดไม่ออก
เจ้ากระรอกจนใจสุดไต่ถาม
ได้แต่คิดเพียงพ้นคนติดตาม
จึงวู่วามหนีล่าแต่ท่าเดียว

จะชำแรกปฐพีไม่มีผล
ด้วยจิตตนซ่านฟุ้งสะดุ้งเสียว
ให้วุ่นวนหวั่นหวาดสิ้นปราดเปรียว
ได้แต่เลี้ยวลดไปในพงพี

ฝ่ายนายพรานมองทันนั่นกระรอก
จึงรีบบอกสมุนให้ไปทางนี้
กระรอกไปแล้วหนาอย่าช้าที
รีบเร็วรี่ตามตรงคงไล่ทัน

ให้สังเกตปักษีที่มั่วสุม
บินเกาะกลุ่มกันดีขมีขมัน
ไม่เหินห่างกระรอกสูจงดูกัน
มันมุ่งมั่นไปสู่บูรพา

กระรอกน้อยฟันฝ่าทุ่งนาร้าง
อันเวิ้งว้างกว้างไกลให้อ่อนล้า
หวังเข้าสู่ดอนใหญ่ใกล้ท้องนา
ซ่อนกายาจากพรานผลาญชีวี

ฝ่ายพวกพรานล้าเมื่อยแสนเหนื่อยเหน็ด
ต้องระเห็จเฝ้าไพรในครั้งนี้
อุตส่าห์ตามไล่ล่าทุกนาที
ยังไม่มีที่ใกล้จะได้ตัว

แบกปืนผาหน้าไม้สายธนู
เดินหดหู่ลัดทางพลางสั่นหัว
เห็นฝูงนกบินไปอยู่ไกลตัว
แต่ไม่มัวช้าเนิ่นจนเกินการ

สมัยนี้เรียกขานบ้านนาแบก
เป็นระแวกชุมชนคนกล่าวขาน
เพราะเมื่อยล้าแบกขนต้องทนทาน
จึงเรียกขานตามเรื่องต่อเนื่องมา

กระรอกสีขาวเผือกกระเสือกกระสน
สู้ดิ้นรนข้ามทุ่งไปไม่รอช้า
ผ่านหมู่บ้านยางหล่อต่อเนื่องมา
เห็นหลังคาบ้านดอนเงินไม่เกินไกล

ตามตำนานกล่าวไว้ในแถบนี้
เคยเป็นที่ชุมชนคนอาศัย
มีอาชีพสำคัญนักเป็นหลักชัย
หล่อเงินทองยองใยได้งดงาม

รางสำหรับดำเนินหล่อเงินทอง
มีมากมายก่ายกองใช่สองสาม
จากรางหล่อผิดเพี้ยนเมื่อเวียนกาล
มาเรียกขานยางหล่อชัดปัจจุบัน

ชื่อดอนเงินเป็นนามเพราะความนี้
เจ้าภังคีอ่อนเพลียทั้งเสียขวัญ
ได้วิ่งผ่านถิ่นดอนตอนกลางวัน
แล้วถลันเข้าป่าสูงริมทุ่งนา

ในแนวป่าเร็วลู่สู่ทิศเหนือ
เหน็ดเหนื่อยเหลือจึงพักเข้ารักษา
หมดเรี่ยวแรงพักก่อนผ่อนกายา
ในดงป่าแถแลอันแออัด

จากชีวิตสุขสบายในใต้น้ำ
ดั่งถูกตอกหอกซ้ำด้วยกรรมซัด
เก็บกินยอดแถแลพอแก้ขัด
พอยืนหยัดประทังชีพที่บีบคั้น

ป่าแถแลบัดนี้มีบ้านคน
ประชาชนอยู่ดีในที่นั้น
จากแถแลเรียกเพี้ยนเปลี่ยนคำกัน
ปัจจุบันบ้านแชแลแปรวาจา

ส่วนพรานกงมุ่งหน้าล่าติดตาม
ไม่ละความพยายามมุ่งตามหา
สนองความจำนงองค์ธิดา
ใกล้เข้ามากระชั้นหันหาพลาง

ภังคีมองจ้องเห็นเพชฌฆาต
ใจหวั่นหวาดเมื่อเห็นจึงเผ่นผาง
จากป่าแถแลไปไม่เว้นวาง
มุ่งไปทางแนวพนาปราจีนทิศ

ถึงดงดอนป่าใหญ่หนามไหน่แน่น
กระรอกแสนเหนื่อยนักพักสักนิด
ฟุบกับเซิงกอไผ่ในดงชิด
หลับสนิททันทีที่หลับตา

บรรดานาคทั้งหลายที่รายล้อม
จึงตั้งป้อมเข้ายามตามประสา
ตามความคิดของสูผู้นาคา
กลายเป็นว่าชี้เป้าให้เจ้าพราน

เพราะหมู่นกกราวกรูอยู่ทางไหน
พรานกงได้จำแนกอย่างแตกฉาน
กระรอกดงคงอยู่คู่บริวาร
จึงคืบคลานเข้าตรงไม่หลงทาง

เห็นหมู่นกวนดูอยู่กับที่
ไม่เร็วรี่หนีคอนดั่งตอนสาง
กระรอกต้องอยู่ใกล้ไม่ไกลพราง
คิดช่องทางโอบล้อมจอมนาคี

สั่งสมุนระวังอย่าพลั้งพลาด
ให้เปรียวปราดน่าชมสมศักดิ์ศรี
ย่องย่างเบาอย่าให้เสียงสำเนียงมี
ใครตาดีเห็นกระรอกค่อยบอกกัน

ค่อยย่องเข้าดงไผ่สายตาจ้อง
ต่างมุ่งมองนาคแปลงอย่างแข็งขัน
ทันใดพรานกงจ้องมองเห็นพลัน
จึงให้สัญญาณสมุนหนุนเข้ามา

ส่งสัญญาณเหนี่ยวไกให้พร้อมกัน
เมื่อเร็วพลันต้องถูกสักลูกหนา
ทั้งธนูหน้าไม้ได้เล็งมา
เสียงพรึกพรึบลั่นป่าพนาไพร

คราวเคราะห์หนุนบุญช่วยไม่ม้วยมอด
ให้เล็ดลอดชีวันทันสมัย
พอดีตื่นตาเห็นว่าเป็นภัย
ตกพระทัยพุ่งโผนโจนทะยาน

รอดชีวิตเฉียดฉิวหวีดหวิวเสียว
ถากนิดเดียวเพราะได้บุ่งไผ่สาน
เบี่ยงเบนลูกหน้าไม้ของนายพราน
จึงทะยานหลบหนีรอดชีวิต

เหล่าบริวารจำแลงแปลงเป็นนก
ตื่นตระหนกเพราะพลาดไม่คาดคิด
เจ้านายเกือบดาวดิ้นสิ้นชีวิต
เพราะความผิดนาคีที่หลับยาม

ที่ตรงนั้นคือเมืองพรึกที่คึกคัก
ที่พำนักคนดีศรีสยาม
เคยเป็นป่ามาเป็นเมืองรุ่งเรืองงาม
เรียกชื่อตามสำเนียงเสียงธนู

นายพรานทรุดนั่งนิ่งเมื่อยิงพลาด
มาประมาทกิ่งไผ่ป่าน่าอดสู
ให้ขัดข้องเคืองแค้นแน่นอกกู
จึงบอกหมู่สมุนพรานชำนาญดง

..........<มีต่อ>


ไม่มีความคิดเห็น: