วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ตำนานรักผาแดง - นางไอ่ ตอนที่ ๑๒ โดย.พี่กิตติธร




 
 ตอนที่ ๑๒


เจ้าหญิงน้อยยืนงงตรงพระแกล
ชายเนตรแลวิหคอกหวั่นไหว
ดูเหตุการณ์ประหลาดขลาดจิตใจ
ในทันใดเห็นร่างเจ้าภังคี

กระรอกแปลงได้พบประสบพักตร์
ปลื้มใจนักได้ยลสาวในคราวนี้
ช่างงามสมคำกล่าวชาวธานี
หนุ่มนาคีมองเหม่อเผลอพระทัย

โอ้เนื้อนวลนงพะงาโสภานัก
ทั้งดวงพักตร์เอวองค์ทรงสมัย
หมู่นางนาคมาณวิกาว่าวิไล
ไม่ต้องใจภังคีเท่านี้เลย

ยิ่งเพ่งพิศพุ่มพวงดวงสมร
ยิ่งอาวรณ์ร้อนรักพักนิ่งเฉย
เฝ้าเหลือบแลครุ่นคิดอยากชิดเชย
อยากเกลือกเกยกกกอดยอดนารี

เจ้าหญิงน้อยมองไปได้แลเห็น
ให้ตื่นเต้นตื่นตายอดยาหยี
ไม่เคยเห็นมาก่อนถอนฤดี
ใจเต้นถี่อยากได้ไว้เชยชม

คงเพราะกรรมนำแต่งแรงอาฆาต
เคยหมายมาตรกรรมหลังอันสั่งสม
ผูกเวรไว้วิบากหลากอารมณ์
ทั้งขื่นขมโกรธรักปักกมล

เกิดอยากได้กระรอกดีตัวนี้นัก
เจ้างามพักตร์สั่งไปไม่สับสน
สูทั้งหลายรีบไปในบันดล
ทุกทุกคนเร็วไวไปจับมา

จับกระรอกด่อนดีนี้ให้ได้
อย่าให้ใครฟาดฟันมันเจียวหนา
จับให้ได้เป็นเป็นเห็นชีวา
กัลยาตรัสสั่งเสียงกังวาน

สิ้นเสียงใช้ในวังก็วิ่งวุ่น
อำมาตย์ขุนเสนารักษ์สมัครสมาน
ทั้งบ่าวไพร่นางสนมกรมภิบาล
รีบลนลานมองหาไม่ช้าที

เห็นกระรอกอยู่บนต้นพฤกษา
หมดปัญญาจับทันมันหลบหนี
เสนาหนึ่งเอ่ยออกบอกวจี
งานอย่างนี้ท่านทั้งหลายต้องนายพราน

อันว่าพรานยุคนี้ที่ฝีมือ
ขจรชื่อเมืองเราต่างกล่าวขาน
นามจำได้ไม่หลงคือกงพราน
อย่าช้านานให้ใครไปตามมา

บ้านอยู่ทางหรดีตามชี้ทิศ
ไม่อยู่ชิดกับใครผู้ใดหนา
เมื่อเรียกหาตามวจีพระธิดา
จะรีบมาตามดำรัสที่ตรัสพลัน

บ้านพรานกงเรียกกันในวันนี้
เป็นเครื่องชี้ความแน่ไม่แปรผัน
บ้านกงพรานชี้ชัดปัจจุบัน
ยังเรียกกันให้รู้คู่แผ่นดิน

ไม่นานนักพรานกงตรงมาถึง
ดูขันขึงแกร่งกล้าดุจผาหิน
รีบเข้าเฝ้าอนงค์ตามจงจินต์
แม่โฉมฉินสั่งพลันในบันดล

อันกระรอกวิ่งวนบนต้นงิ้ว
โลดละลิ่วอวดพราวสีขาวขน
กระดิ่งทองคล้องอยู่คู่คอตน
จงหาหนทางใดไปจับมา

พรานครุ่นคิดวิธีที่แน่แท้
เห็นเพียงแต่จับตายกันนั่นแหละหนา
อันจับเป็นเห็นยากหนักอุรา
จึงบอกนายหญิงข้าว่ายากแท้

แม้ข้าน้อยคอยจับเจ้ากระรอก
ไม่อาจบอกเป็นตายคงได้แผล
โอกาสสิ้นชีวีที่คิดแล
ดูเที่ยงแท้กว่าที่มีชีวิต

ข้าน้อยจนใจทำตามดำรัส
ที่ทรงตรัสสั่งมาข้าสิ้นคิด
ไม่อาจจับเป็นให้ไว้เชยชิด
พระทรงคิดครวญใคร่ในบันดล

พระนางไอ่คำอึ้งคะนึงคิด
กรรมลิขิตอาเพศเป็นเหตุผล
ทรงดำรัสตรัสไปในบันดล
นฤมลสั่งพรานชำนาญไพร

ว่าเอาเถิดพ่อพรานจัดการเข้า
ไม่ว่าเอากระรอกมาวิชาไหน
จะเหลือเพียงร่างกายหรือหายใจ
พ่อจงได้เร่งทำดำเนินการ

ฝ่ายพรานกงซื่อตรงอนงค์ตรัส
รีบเร่งรัดว่องไวตามไขขาน
กลับเรือนเตรียมเครื่องมือล่าไม่ช้านาน
แล้วนายพรานแบกปืนคืนกลับวัง

ฝ่ายกระรอกตัวปลอมไม่ยอมหนี
หลงนารีสุดฝืนคืนกลับหลัง
เฝ้าวุ่นวนเลาะเลียบระเบียบวัง
บางครั้งนั่งเหม่อจ้องมองไอ่คำ

นายพรานเตรียมปืนผาทั้งหน้าไม้
ธนูไว้พร้อมพรักเผื่อยากเข็ญ
ลูกสมุนพร้อมหน้าคราจำเป็น
ได้รับใช้เนื้อเย็นเป็นเกียรติตน

รีบกลับมาเวียงวังเจ้านางน้อย
พระนางคอยกระวนกระวายเป็นหลายหน
กลัวกระรอกสูญญาจากตาตน
เฝ้ามองจนพรานไพรครรไลมา

ฝ่ายกระรอกเพลินใจไม่ไปไหน
อยากอยู่ใกล้ไอ่องค์ตรงนั้นหนา
ไม่รู้ตัวอันตรายย่างกรายมา
เอาแต่ชมพักตรานวลนารี

ฝ่ายพรานกงย่างย่องจับจ้องเล็ง
ตาเขม็งเพ่งพบไม่หลบหนี
ได้จังหวะจับเจาะเหมาะพอดี
ยกหน้าไม้คู่ชีวีหรี่ตาพลัน

ทันใดนั้นพลนาคีที่หลากหลาย
ที่แปลงกายมาด้วยช่วยผ่อนผัน
งูกระแตนกกาสารพัน
ต่างให้สัญญาณดังแก่ภังคี

ภุชงค์แปลงหลบภัยได้ฉับพลัน
ตื่นตระหนกอกสั่นจนขวัญหนี
เผ่นผาดโผนโจนหนีสุดชีวี
เจ้าภังคีอกสั่นขวัญกระเจิง

ร้องเรียกหมู่บริวารทำการช่วย
เกือบมอดม้วยเพราะตัวมัวแต่เหลิง
เหล่านาคาปลอมแปลกแตกกระเจิง
ที่เถิดเทิงกลับคืนเป็นตื่นภัย

เสนานาคต่างล้อมจอมภุชงค์
แล้วพาตรงสู่ตะวันสายัณห์สมัย
ตะวันใกล้ชิงพลบเร่งหลบภัย
ในพระทัยภังคีนั้นแสนหวั่นกลัว

ดอนใหญ่น้อยซ้อนซับนับเป็นพัน
เบื้องหน้านั้นอัดแอแลสลัว
ป่าพันดอนพงพนาดูน่ากลัว
หลบซ่อนตัวป้องกันอันตราย

มาบัดนี้เรียกขานบ้านพันดอน
อนุสรณ์เครื่องชี้เป็นที่หมาย
ว่าตรงนี้เคยซ่อนตนสกนธ์กาย
ของลูกชายเจ้าบาดาลเมื่อนานมา

กระรอกแปลงซ่อนกายไม่ได้นาน
ด้วยนายพรานชาญเชี่ยวแลเหลียวหา
ค่อยจดจ้องย่องเบาย่างเข้ามา
ใกล้กายาภังคีทุกทีไป

เหล่าเสนารีบบอกกระรอกน้อย
เจ้าตัวจ้อยพรึงพรั่นอกหวั่นไหว
รีบยักย้ายกายโผนกระโจนไป
เร่งครรไลจากที่นั้นในทันที

ออกจากพันดอนดงมุ่งลงใต้
เร่งเร็วไวข้ามดอนแก้วรีบแจวหนี
ถึงดงเยอนั่นหนอค่ำพอดี
เจ้าภังคีพักผ่อนนอนเอาแรง

..........<มีต่อ>

ไม่มีความคิดเห็น: