วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ตำนานรักผาแดง - นางไอ่ ตอนที่ ๑๑ โดย. พี่กิตติธร


 ตอนที่ ๑๑


.....ครั้นยามสายกษัตราต่างมาเฝ้า
ทูลลาเจ้าแผ่นดินกลับถิ่นฐาน
หากจะอยู่ต่อไปให้เนิ่นนาน
ราชการตนไซร้จักไม่ดี

เจ้าศรีแก้วทองพันชั่งทั้งหงสา
เจ้าเชียงเหียนทูลลาพระยาศรี
เชียงเชิดจอมนคราเจ้าธานี
อีกทั้งพระมเหสีที่คู่กัน

ครั้นฟ้าแดดเข้ามาทูลลากลับ
ทั้งสองซับเหงื่อไคลไม่สุขสันต์
กายขยับตาขยิบกระซิบกัน
เขาคงมั่นมาทวงดวงใจเรา

เจ้าฟ้าแดดยิ้มแย้มจิตแจ่มใส
สำราญใจในอุรามาแต่เช้า
บรรยากาศธานีของพี่เรา
ทั้งเย็นเช้าร่มรื่นชื่นอุรา

ไม่คิดหาพาหลานกลับบ้านเมือง
ให้ขุ่นเคืองอุระพระเชษฐา
รู้ว่าพี่รักหวงดั่งดวงตา
อีกทั้งผาแดงเล่าเขารักกัน

ส่วนตนรักเนื้อเย็นดั่งเป็นบุตร
เจ้านงนุชก็เป็นเช่นจอมขวัญ
อยากเห็นเจ้าเป็นสุขทุกคืนวัน
ไม่คิดบั่นทอนใจผู้ใดเลย

ศรีเชียงเชิดถามผู้อนุชา
เอาอย่างไรว่ามาน้องข้าเอ๋ย
เจ้าฟ้าแดดตรัสมาไม่ว่าเลย
เพียงจะเอ่ยล่ำลาพี่ข้าไป

จะกลับเมืองวันนี้แล้วพี่ท่าน
ราชการยังมีที่แก้ไข
ขอทูลลาพี่ทั้งสองอย่าหมองใจ
กาลต่อไปคงได้มาเยี่ยมหากัน

แล้วรางวัลของเจ้าจะเอาไง
เจ้าชนะบั้งไฟในแข่งขัน
เจ้าฟ้าแดดนั่งตรงนิ่งงงงัน
แล้วก็พลันนึกถึงซึ่งหลานตน

อ้อเรื่องนั้นเชษฐาอย่าพะวง
เจ้าเนื้อนวลอนงค์คงสับสน
แม้พระองค์ก็ทรงคิดจิตกังวล
พระกมลคงทุกข์ไร้สุขใจ

ข้าพระองค์รักหลานว่าหลานรัก
เคยเห็นพักตร์กัลยามาแต่ไหน
ไม่คิดจะช่วงชิงยอดหญิงไป
เจ้าหลานไอ่จงอยู่คู่นคร

อยู่กับพ่อกับแม่แลปวงญาติ
มุขอมาตย์มนตรีมีสลอน
อีกมากมายไพร่ฟ้าประชากร
ชาวนครต่างรักยิ่งเจ้าหญิงตน

ขอเจ้าพี่ทั้งสองครองคู่มั่น
เป็นมิ่งขวัญบรรลุอุดมผล
รักษาสุขภาพบ้างอย่าร้างตน
ประชาชนจักได้ร่มอีกนมนาน

เจ้าฟ้าแดดลาเสร็จเสด็จกลับ
มิได้รับเอาพธูผู้เป็นหลาน
สองกษัตริย์โล่งใจกระไรปาน
ที่เหตุการณ์เปลี่ยนไปไม่คาดเลย

รีบเรียกลูกมาพลันในทันที
บอกเรื่องราวข่าวดีนี่ลูกเอ๋ย
เจ้าฟ้าแดดคนดังไม่หวังเลย
ไม่คิดเชยนงเยาว์พาเจ้าไป

เมื่อเหตุการณ์กลับเห็นเป็นดังนี้
ดวงฤดีทุกท่านเคยหวั่นไหว
ต่างปลาบปลื้มเปรมปรีดิ์ล้วนดีใจ
รักนางไอ่กับผาแดงสาดแสงพลัน

เจ้าไม่มัวพะนอเฝ้ารอช้า
วันต่อมาผาแดงใจไม่เหหัน
รีบลากลับนครามาโดยพลัน
เพื่อเตรียมวันพิธีมีมงคล

จักสู่ขอยอดพธูผู้งามพักตร์
ด้วยความรักเกาะกุมทุกขุมขน
ได้กำหนดฤกษ์ดีมีมงคล
แล้ววุ่นวนเตรียมงานในทันใด

อีกสองเดือนนั่นหนาอาสาฬห์มาส
จะพาญาติมนตรีมีเชื้อไข
ทั้งประชาไพร่พลระคนไป
ขอเจ้าไอ่คำอินทร์ถวิลมา.

☼.....ย้อนกล่าวถึงภังคีผู้มีศักดิ์
กรรมนำชักติดตรึงคะนึงหา
วุ่นวายคิดใฝ่ฝันแต่กันยา
แม้ดวงหน้าไม่เคยยลสักหนที

จะนั่งยืนเหยียดกายหรือว่ายน้ำ
นามไอ่คำคาใจไม่หน่ายหนี
ยิ่งครุ่นคิดยิ่งอยากเห็นเป็นทวี
ใจนาคีร้อนรุ่มดั่งสุมไฟ

ยิ่งได้ยินข่าวคราวเจ้าไอ่คำ
ต้องใจจำแต่งงานยิ่งหวั่นไหว
ว่าต้องแต่งกับอาฟ้าแดดไป
เจ้ากลัดกลุ้มจิตใจไม่ยอมนอน

ให้กระสับกระส่ายวุ่นวายจิต
คร่ำเคร่งคิดครวญใคร่ไม่ถ่ายถอน
คิดไม่ตกกลัดกลุ้มเป็นลุ่มดอน
ไม่หลับนอนข้าวปลาไม่หากิน

ตัดสินใจอีกครั้งมุ่งหวังยล
นฤมลเพ็ญโพยมแม่โฉมฉิน
ลอบหนีจากนคราแหล่งนาคิด
ดั่งลูกนกโผผินบินจากรัง

พาบริวารมาเกลื่อนเป็นเพื่อนพรรค
เผื่อยากนักยังมีที่ให้หวัง
ครั้นจะมาผู้เดียวเสียวระวัง
ด้วยเจ้าภังคีนั้นก็หวั่นใจ

ครั้นถึงถิ่นมนุษย์หยุดพินิจ
พากันคิดแปลงร่างพรางกายไว้
เป็นเดรัจฉานร่างต่างกันไป
นาคส่วนใหญ่เป็นปักษีมีปีกบิน

เจ้าภังคีแปลงออกไม่ยอกย้อน
กระรอกด่อนขาวล้วนชวนถวิล
แขวนกระดิ่งกาญจนาคู่กายิน
นาคทั้งสิ้นกลายร่างต่างเพศไป.

☼.....จะกล่าวถึงการะเกดเขตบุรี
อรุณีสาดฟ้าพาสดใส
รุ่งทิวาแสงทองผ่องอำไพ
ช่อไสวไม้ดอกออกเบ่งบาน

พระพายโชยเอื่อยเอื่อยระเรื่อยเบา
บรรยากาศยามเช้าสุดกล่าวขาน
เสียงกระซิบสายน้ำจากลำธาร
ทั้งแว่วหวานปักษีที่รอบราย

หอมกรุ่นกลิ่นบุษบาสู่นาสิก
ยังมีอีกมวลผีเสื้ออันเหลือหลาย
เจ้าไอ่คำแช่มชื่นระรื่นกาย
เย็นสบายยามเช้าเจ้ายินดี

เมื่อพธูอยู่ห้องพระสำอาง
ทรงเยื้องย่างใคร่ครวญนวลฉวี
ผัดพระพักตร์มุ่นเกศาแต่งกายี
ในทันทียินเสียงสำเนียงดัง

เสียงนกการ้องแผกดูแตกตื่น
ไม่แช่มชื่นรื่นกมลดุจหนหลัง
เสียงแซ่ซ้องร้องแปลกระแวกวัง
สุ้มเสียงดังรอบที่พักตำหนักนาง

ชาวเมืองเห็นวิปริตผิดวิสัย
ดุจเป็นนัยอัปรีย์มีผีสาง
ให้คิดเห็นเป็นเหตุอาเพศลาง
พูดต่างต่างนานาว่าไม่ดี

เมื่อวันก่อนบั้งไฟเกิดระเบิดแตก
วันนี้แปลกหลากล้วนมวลปักษี
แข่งประชันขันเสียงสำเนียงมี
รอบตำหนักนารีศรีนคร

คงเกิดเป็นลางร้ายไม่คาดคิด
จึงวิปริตบอกทางลางสังหรณ์
พากันคิดหวั่นผวาอนาทร
ว่านครจักเกิดเหตุอาเพศใด

..........<มีต่อ> 

ไม่มีความคิดเห็น: