วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ตำนานรักผาแดง - นางไอ่ ตอนที่ ๙ โดย. พี่กิตติธร

ตอนที่ ๙


.....คนส่วนใหญ่รอชมตามร่มไม้
ต่างจดใจรอเห็นเป็นสักขี
ครั้นได้ฤกษ์เบิกยามอันงามดี
พราหมณ์พิธีก็เดินดำเนินการ

บั้งไฟแรกจุดบูชาพระยาแถน
อยู่เมืองแมนไกลลิบทิพย์สถาน
ผู้ดูแลฟ้าฝนดลบันดาล
พราหมณ์ตั้งจิตอธิษฐานบันดาลไป

อันพระองค์รุ่งเรืองอยู่เมืองแมน
พระยาแถนจะเห็นเป็นไฉน
พวกข้าน้อยจิตตั้งเสี่ยงบั้งไฟ
ให้ท้าวไท้ช่วยแสดงแผลงฤทธี

ถ้าฝนฟ้าจะตกคู่ฤดูกาล
จงทะยานเวหาสง่าศรี
หากว่าฝนขาดฟ้าเป็นกาลี
ธรณีเหือดแห้งแล้งธารา

ขอบั้งไฟอย่ารุ่งพุ่งทะยาน
อยู่กับฐานคงมั่นนั่นแหละหนา
อธิษฐานเสร็จลงคงวาจา
ชาวประชาโห่ร้องก้องกังวาน

ทั้งเสียงฆ้องกลองตามขึ้นสามครั้ง
แล้วจุดบั้งหวังให้พรากไปจากฐาน
แต่อาเพศเหตุใดไม่รู้การณ์
ฟู่กับฐานควันโขมงไม่โปร่งใจ

และไม่นานจากนั้นพลันระเบิด
บั้งไฟเกิดแตกพลันสนั่นไหว
ประชาชนกำสรดสลดใจ
ให้หวั่นไหวกลัวฟ้าชะตาเมือง

อันเมืองขอมสำราญอยู่นานมา
ชาวประชาพลไพร่ได้คุยเขื่อง
มาบัดนี้ประกาศฟ้าชะตาเมือง
คงไม่เรืองสำราญดังนานมา

บ้างก็กลัวเกิดมีกลียุค
กลัวเพาะปลูกทำไปไร้ฝนฟ้า
คิดหวาดกลัวไร้น้ำเมื่อทำนา
ทั้งปูปลาตามหนองคลองไม่มี

เกิดกังวลครุ่นคิดจิตวิตก
ในหัวอกไหวหวั่นดุจขวัญหนี
ต่างสลดหดหู่ไม่สู้ดี
จากพิธีเสี่ยงทายทำนายดวง

ในอันดับต่อไปบั้งไฟแข่ง
เพื่อจะแย่งรางวัลอันใหญ่หลวง
เพื่อให้เกียรติผู้ใหญ่กว่าใครปวง
จึงให้ช่วงพระยาขอมจอมธานี

ให้ได้จุดบั้งไฟขึ้นไปก่อน
เจ้านครทั้งหลายเห็นเป็นสักขี
ไฟชนวนจุดไต้ไม่รอรี
เปลวอัคคีฟุ้งฟู่สู่บั้งไฟ

เสียงระเบิดเหลือล้ำกัมปนาท
บั้งฉีกขาดพื้นสั่นสนั่นไหว
ผู้คนต่างตกตลึงสะพรึงใจ
ไม่มีใครส่งเสียงสำเนียงดัง

ด้วยกลัวหัวไม่ทนอยู่บนบ่า
พระราชาเสียงแหบแทบสิ้นหวัง
พระชายาน้ำตาหยดหมดพลัง
ด้วยความหวังตั้งไว้ทะลายลง

สองกษัตริย์เป็นลมตรมฤดี
เหล่านารีสนมในไม่ใหลหลง
รีบเข้ามาลำลองประคององค์
แล้วรีบส่งยาดมยาลมพลัน

ไหนบั้งไฟเสี่ยงชะตามาระเบิด
นี้ยังเกิดกับบั้งเราเข้าแข่งขัน
โอ้ไอ่คำลูกข้าคงจาบัลย์
คงเสียขวัญเพราะลางร้ายใกล้เข้ามา

แต่ยังเหลือผาแดงเป็นแรงหวัง
หากว่าบั้งของท่านทะยานฟ้า
ยิ่งกว่าใครในหมู่ผู้ราชา
จะกู้หน้ากู้ขวัญในบันดล

ในลำดับครรลองของเชียงเหียน
ได้พากเพียรจุดไฟเป็นหลายหน
ครั้นจุดได้ก็ระเบิดเกิดอลวน
กระจายหล่นจากฟ้าพางงงัน

เมืองศรีแก้วเมืองหงส์คงลำดับ
เมืองทองนับต่อไปในทีนั้น
น่าประหลาดแปลกใจอะไรกัน
ทุกบั้งนั้นแตกสิ้นหมดชิ้นดี

ยังคงเหลือของพระอนุชา
นามเจ้าฟ้าแดดองค์ผู้ทรงศรี
กับผาแดงผู้หวังปองครองนารี
ชาวธานีจึงมีเรื่องคุยเฟื่องกัน

ต่างขบคิดปริศนาหากำหนด
ผู้ทรงยศสองไท้ไฉนนั่น
เจ้าฟ้าแดดนั่นหนาอาหลานกัน
ถ้าท้าวท่านพลันชนะจะอย่างไร

เมื่อได้ตัวเนื้อเย็นผู้เป็นหลาน
พระองค์ท่านจะวางไว้ข้างไหน
จะแต่งพระธิดาฐานะใด
จึงต่างได้อวดโอ่โต้เถียงกัน

อีกคนหนึ่งรำคาญจึงขานกล่าว
พวกไท้ท้าวมาแสดงเข้าแข่งขัน
ไม่ได้มุ่งเข้ามาท้าพนัน
อันรางวัลไม่มีใครอยากได้เลย

มีแต่ท้าวผาแดงที่แข่งชิง
เพื่อองค์หญิงยอดหวังฟังเฉลย
ที่จริงเรื่องไม่น่ามาเกิดเลย
เหนือหัวเอ่ยเพราะโกรธโทษผาแดง

ครั้นจะเอ่ยกลับคำที่จำนรรจ์
ก็อัดอั้นเป็นราชาพาขัดแย้ง
ตอนนี้จึงหวังแลแต่ผาแดง
จะแสดงบั้งไฟเอาชัยชาญ

ถึงอันดับต่อไปได้ขึ้นราง
เจ้าฟ้าแดดแห่งสงยางร่างอาจหาญ
รีบสั่งจุดบั้งไฟไม่ช้านาน
พลันทะยานพวยพุ่งรุ่งเรืองรอง

บั้งทะยานควันขาวราวมีชีพ
พุ่งสู่กลีบเมฆสลัวไม่มัวหมอง
ชาวสงยางดีใจได้คะนอง
ต่างโห่ร้องไชโยโอ้อวดกัน

ท้าวผาแดงคือหวังครั้งสุดท้าย
จะเสมอหรือพ่ายในแข่งขัน
เป็นความหวังกษัตริย์ขอมจอมราชัน
ไอ่คำนั้นยิ่งหวั่นพรั่นฤทัย

เมื่อบั้งไฟสุดท้ายได้เตรียมพร้อม
พวกชาวขอมชายหญิงยิ่งหวั่นไหว
ครั้นสิ้นเสียงคำสั่งจุดบั้งไฟ
ชั่วอึดใจต่อมาชาวธานี

ต่างได้ยินกึกก้องท้องสนาม
บั้งไฟงามหมดจดเคยสดศรี
กลับเป็นเศษเกลื่อนกระจายรายปฐพี
ประชาชีต่างร้องก้องตะโกน

บั้งผาแดงแตกแล้วแจ้วแจ้วเสียง
ฟังสำเนียงเสียงประหลาดไม่ผาดโผน
ชะตากรรมตั้งไว้ไม่อ่อนโยน
ไม่เอนโอนข้างใครในโลกา

แล้วแต่กรรมสรรสร้างร่างลิขิต
ดลบันดาลชีวิตให้สุขา
หรือเป็นทุกข์ปวดแปลบแสบอุรา
ล้วนแต่กรรมสร้างมาพาเป็นไป

ทั้งกรรมเก่ากรรมใหม่ไม่เรรวน
มาประมวลมั่นคงไม่หลงใหล
บันดาลสั่งเสริมทุกข์หรือสุขใจ
แล้วแต่กรรมของใครได้กระทำ

อันจิตใจชาวขอมต่างตรอมตรม
พลอยระทมห่วงนงรามแม่งามขำ
เจ้าหญิงน้อยนวลอนงค์องค์ไอ่คำ
จะชอกช้ำเยี่ยงไรไม่อยากคิด

การะเกดเวียงวังเจ้านางน้อย
สุดเศร้าสร้อยมองไปไร้ชีวิต
ดูยะเยือกเยียบเย็นจนจับจิต
นางนิ่งคิดน้ำตาคลอรออยู่นาน

<มีต่อ>

ไม่มีความคิดเห็น: