วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ตำนานรักผาแดง - นางไอ่ ตอนที่ ๘ โดย. พี่กิตติธร


...ตอนที่ ๘

.....ที่มีการแสดงแข่งบั้งไฟ
แม้นของใครน่าชมสมศักดิ์ศรี
พุ่งทะยานผ่านฟ้าเหนือธานี
ข้าจะมีนวลนางเป็นรางวัล

ข้าจะยกธิดาผู้น่าดู
ให้กับผู้มีชัยในแข่งขัน
อันดำรัสพระองค์ทรงยืนยัน
ไม่แปรผันมั่นตรงคงวาจา

บรรดาหมู่ราชาพามึนงง
ว่าพระองค์เพ้อไปหรือไรหนา
มเหสีสะกิดกายอยู่หลายครา
แต่พระยาขอมไท้ไม่เปลี่ยนแปลง

กลับลุกขึ้นประกาศดังเป็นครั้งสอง
ต่างเมืองผองดีใจทั่วหัวระแหง
แต่ชาวชทิตาพาระแวง
สงสารแน่งพระธิดาจะอาดูร

ต่างเห็นอกเห็นใจองค์ไอ่คำ
จะชอกช้ำชีวินดังสิ้นสูญ
อันคนรักพรากไปไม่เกื้อกูล
ยังอาดูรเพราะพ่อเห็นเป็นรางวัล

ต่างซึมเศร้ามึนงงกับโองการ
ที่ประทานแก่หมู่ผู้แข่งขัน
พาวิตกจับกลุ่มชุมนุมกัน
เหตุผกผันวันสนุกกลับทุกข์ใจ

☼.....จะกล่าวถึงผาแดงผู้แรงรัก
มั่นคงนักรักเดียวไม่เหลียวไหน
รักไอ่องค์ทรงยศอย่างหมดใจ
พระองค์ได้มุ่งมั่นดั้นด้นมา

เตรียมขบวนบั้งไฟได้ตกแต่ง
เพื่อเข้าแข่งชิงชัยไม่ให้ช้า
หัวบั้งไฟจำหลักสลักมา
เป็นรูปหัวนาคาสง่างาม

แกะสลักเสกสรรด้วยจันทน์หอม
ลำตัวย้อมสีสง่าน่าเกรงขาม
ตัดติดแผ่นทองเปลวไม่เลวทราม
ลำตัวตามรูปนาคาสง่าองค์

จัดขบวนเตรียมการไม่นานเสร็จ
รีบเสด็จเดินทางไปไม่ลืมหลง
เคลื่อนขบวนพร้อมสรรพประดับองค์
เดินทางลงสู่ชทิตามหานคร

อนิจจาเกิดเหตุอาเพศภัย
ฟ้าสดใสกลับสลัวทั่วสิงขร
ฝนตกหนักมืดมัวทั่วอัมพร
เหล่ากุญชรตกตมติดหล่มกัน

อสนีประกาศกล้าม้าแตกตื่น
ไม่อาจฝืนกายทรงคงเสียขวัญ
ฝนตกหนักห่าใหญ่ในอรัญ
ไม่เป็นอันเดินทางระหว่างไพร

ดังเทวาฟ้าแกล้งสำแดงเหตุ
ว่าจะเกิดอาเพศเหตุการณ์ใหญ่
ขบวนบั้งจึงช้ากว่าใครใคร
มาถึงได้ตอนเช้าเข้าพิธี

เหล่าอำมาตย์รีบเดินดำเนินงาน
รับจัดการขบวนบั้งอย่างเร็วรี่
ส่วนผาแดงรีบไปในทันที
ขอเข้าพบดรุณีที่รอคอย

การะเกดเขตบุรีที่งดงาม
พระนงรามแสนเศร้าสุดเหงาหงอย
นอนไม่หลับตลอดคืนฝืนรอคอย
เจ้าเนื้อกลอยดั่งไฟรุมสุมอุรา

ครั้นผาแดงมาถึงจึงตื่นเต้น
แม่เนื้อเย็นดีใจไหนจะหา
แต่ก็ทั้งเสียใจในเวลา
ที่ผาแดงทรงมาช้าเกินวัน

พระนางรีบครรไลไปต้อนรับ
ในลำดับทราบเรื่องไม่เคืองขวัญ
พร้อมทั้งส่งเสนาในไปโดยพลัน
รีบกราบทูลเหนือหัวท่านในทันใด

ครั้นเสร็จเรื่องดำรัสที่จัดการ
ทรงตัดพ้อต่อขานเป็นการใหญ่
ส่วนผาแดงทราบเรื่องราวสุดร้าวใจ
ถึงกับอ่อนเปลี้ยไปในทันที

แม้ผาแดงจักพะนอขอโทษหญิง
แต่ทุกสิ่งดำเนินเกินหลีกหนี
ยังมีหวังบั้งไฟถ้าชัยมี
ต้องได้ที่หนึ่งนั้นในการชิง

จึงกำชับหมู่ช่างดูบั้งไฟ
ต้องทำให้ดีเหลือเพื่อยอดหญิง
ต้องเลิศรุ่งพุ่งไปเมื่อได้ยิง
เพื่อแย่งชิงนวลปรางนางไอ่คำ

ต่างหมกมุ่นครุ่นคิดกลัวผิดหวัง
ประดุจดังหนามยอกให้ชอกช้ำ
วิปโยคโศกเศร้าเข้าครอบงำ
แต่ก็จำกล้ำกลืนฝืนทะนง

ได้แต่มองหน้ากันด้วยหวั่นจิต
เหตุการณ์ดลกังวลคิดพิศวง
อะไรก็เกิดได้ไม่มั่นคง
จำต้องปลงปล่อยตามความที่เป็น

มีหวังเพียงบั้งไฟได้ชนะ
ทั้งสองพระเชื้อพระวงศ์ลงความเห็น
หากไม่อยู่คู่ครองต้องลำเค็ญ
ต่างทรงเห็นใจกันไม่ผันแปร

กล่าวถึงองค์ราชาพระยาขอม
ก็ทรงตรอมฤดีดังมีแผล
ยิ่งชายาปั้นปึ่งถลึงแล
ทรงได้แต่กลุ้มทรวงดวงกมล

ด้วยดำรัสตรัสไปไม่ยั้งคิด
โทสะจิตสุดระงับให้สับสน
จึงพลุ่งพล่านออกไปดุจไฟลน
กว่าจะมารู้ตนก็จนใจ

มีแต่นึกเสียใจได้ทำผิด
ไม่อาจคิดผันแปรไปแก้ไข
เมื่อตรัสแล้วหากเวียนเปลี่ยนคำไป
ประชาไทไหนเล่าจะเคารพ

นึกว่าท้าวผาแดงมันแปลงจิต
มันไม่คิดรักซึ้งจึงหลีกหลบ
จึงโกรธขึ้งโกรธาไม่น่าคบ
กว่าจะพบว่าผิดไปก็สายเกิน

ยิ่งพระนางจามปาต่อว่าใหญ่
ในพระทัยอึดอัดด้วยขัดเขิน
มองทุกอย่างขวางตาไม่พาเพลิน
ได้แต่เดินไปมาทั้งราตรี

ไม่ได้หลับคิดหนักพระพักตร์หมอง
จวบอรุณสีทองอันผ่องศรี
จึงได้ทราบเรื่องราวมีข่าวดี
ว่ายังมีบั้งไฟครรไลมา

เป็นของท้าวผาแดงแต่งขบวน
ไม่เรรวนแต่ท่านมีปัญหา
ในขณะเดินทางกลางพนา
เกิดฝนฟ้าตกแรงดั่งแกล้งดล

นายทะเบียนทูลกราบให้ทราบความ
จึงให้ตามผาแดงแถลงผล
สองพระองค์ดีใจคลายกังวล
ทราบเหตุผลทราบเรื่องสิ้นเคืองใจ

แต่ทุกอย่างยังเป็นไปตามได้ตรัส
ที่ดำรัสไม่อาจแปรสุดแก้ไข
เหลือความหวังประลองสองบั้งไฟ
แม้ของใครมีชัยในประชัน

จะรักษาไอ่องค์ให้คงอยู่
เจ้าโฉมตรูจักไม่ต้องเป็นของขวัญ
จักอยู่เย็นเป็นสุขทุกคืนวัน
จงช่วยกันอวยชัยให้ชนะ

ครั้นเวลาบั้งไฟใกล้จะจุด
คนรีบรุดกันไปไม่ลดละ
มามากมายหลายหมู่ดูเกะกะ
หวังที่จะอยู่ชมให้สมปอง

บั้งไฟถูกลำเลียงเทียบเคียงร้าน
ต่างเตรียมการเต็มที่ไม่มีหมอง
ส่วนบางกลุ่มร้องเพลงบรรเลงกลอง
บ้างประลองกลอนร่างอย่างกวี

<มีต่อ>

ไม่มีความคิดเห็น: