วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ตำนานรักผาแดง - นางไอ่ ตอนที่ ๕ โดย. พี่กิตติธร



ตอนที่ ๕

ตัดสินใจลาเหย้าขึ้นเจ้าสาม
อาชางามตัวกล้าสง่าศรี
ร่างสมส่วนสีประดู่คู่ชีวี
แล้วรีบรี่มุ่งตรงลงใต้มา

มุ่งเป้าหมายชทิตามหานคร
หาบังอรร้อยเล่ห์เสน่หา
หวังได้พบประสบพักตร์เพียงสักครา
กัลยาไอ่องค์คงไมตรี

☼.....ณ ราตรีเดือนเรียวดุจเคียวเด่น
ดาราเย็นกระจ่างฟ้าสง่าศรี
หน้าต่างวังการะเกดเขตบุรี
ยอดนารีไอ่องค์ทรงเหม่อลอย

ยลดาราฟ้าผ่องกลับหมองจิต
เฝ้าครุ่นคิดจิตใจให้เหงาหงอย
นึกถึงรูปงามเหลือของเนื้อกลอย
กลัวจะพลอยเป็นเรื่องขัดเคืองกัน

ในอดีตเคยมีที่เป็นเรื่อง
ที่ขุ่นเคืองยื้อแย่งเข้าแข่งขัน
เกิดสงครามเข่นฆ่าท้าประจัญ
เข้าโรมรันเลือดกองนองปฐพี

อยากรีบมีคู่เรียงร่วมเคียงหมอน
นึกอ้อนวอนเทพองค์ผู้ทรงศรี
ทรงคันศรแผลงมาเป็นมาลี
ช่วยลูกทีให้ประสบได้พบพาน

หากชายชาติขัตติยามาขอรัก
จะไม่พักเล่นองค์ทรงสนาน
จะขอรับทันใดไม่รอนาน
ใครกล่าวขานว่าไม่งามก็ตามใจ

เพื่อป้องกันปัญหาอาจมาถึง
หญิงเพียงหนึ่งหากยื้อยุดสุดแก้ไข
จึงตั้งความหวังว่าถ้ามีใคร
มาขอรักจักให้ไม่เล่นองค์

มองดวงดาวดาษดื่นในคืนเปลี่ยว
ชมเดือนเรียวไม่แจ่มจิตพิศวง
จนดึกดื่นเข้ามาหลับตาลง
นวลอนงค์กระสับกระส่ายไม่คลายแคลน

☼.....รุ่งอรุณเบิกตาฟ้าสว่าง
เหล่านกกาจากรังดังแห่แหน
หาเสบียงเลี้ยงตัวทั่วเขตแดน
ไม่ขาดแคลนป่าดงคงสมบูรณ์

ชนชาวเมืองตื่นนอนแต่ก่อนเช้า
เตรียมหุงข้าวเตรียมแรงก่อนแสงสูรย์
แล้วทำมาหาเติมทรัพย์เพิ่มพูน
ทั้งเกื้อกูลมีน้ำใจให้แก่กัน

พากันเดินขวักไขว่ไปตามทาง
ค้าขายบ้างซื้อก็ได้ตามใจฉันท์
กิจวัตรเคยเห็นเช่นทุกวัน
แต่วันนี้สำคัญกว่าผ่านมา

ด้วยเมืองชทิตามหานคร
ได้รับต้อนแขกเมืองเรืองยศฐา
ซึ่งคือท้าวผาแดงแรงฤทธา
ทรงอาชามาแต่ไกลหวังไมตรี

เข้าเมืองมาทางทวารด้านอุดร
ตั้งแต่ตอนฟ้าสีทองอันผ่องศรี
รีบเดินทางด้วยอาชาทั้งราตรี
เพราะลุ่มหลงนารีที่เลื่องลือ

ทรงได้นำเครื่องราชบรรณาการ
ถวายท่านราชาน่านับถือ
เป็นธรรมเนียมเยี่ยมยามตามร่ำลือ
ที่ยึดถือกันมาโขแต่โบราณ

เพื่อสมัครรักใคร่มีไมตรี
อันเป็นราชประเพณีที่สืบสาน
ข่าวผาแดงนำเครื่องราชบรรณาการ
เพียงมินานก็รู้ถึงหูนวล

นางสนมกรมในได้ส่งข่าว
ธิดาสาวพราวเสน่ห์จิตเหหวน
ดั่งมีมนต์แรงฤทธิ์ดลจิตนวล
ให้รัญจวนหฤทัยอยากได้ยล

ดุจมีไฟร้อนรุ่มมาสุมอก
ตื่นตระหนกหวั่นไหวใจสับสน
อยากเห็นหน้าราชันในบันดล
นฤมลรีบออกไปในทันที

ชวนสนมคู่ใจไปด้วยกัน
แอบมองผ่านม่านทองอันผ่องศรี
หวังเห็นหน้าผาแดงแรงฤทธี
ว่าจะมีรูปทรงองค์เช่นไร

พระยาขอมจอมกษัตริย์จัดต้อนรับ
ยินดีนับไมตรีดีไฉน
รับเครื่องราชผาแดงไม่แคลงใจ
สนทนาปราศรัยด้วยไมตรี

กษัตริย์หนุ่มทูลเกล้ากับเจ้าบ้าน
พร้อมนงคราญจอมเสน่ห์มเหสี
ของราชาพระยาขอมจอมบุรี
ด้วยไมตรีเกี่ยวดองทั้งสองเมือง

แต่จิตใจผาแดงผู้แรงฤทธิ์
อยากเชยพิศพักตร์พธูผู้ลือเลื่อง
จึงสอดส่ายสายตาท่าชำเลือง
แต่ก็กลัวขัดเคืองเบื้องยุคล

ส่ายสายตาจนพบประสบพาน
ตาประสานหวั่นไหวใจสับสน
เจ้าไอ่คำก็ตะลึงอึงกมล
จิตพิกลรัญจวนปั่นป่วนพลัน

ดั่งองค์พระกามเทพผู้เหน็บศร
บุษปกรจากฟ้ามาเสกสรร
แผลงธนูดอกไม้ปักใจพลัน
ต่างไหวหวั่นพรั่นพรึงตะลึงตน

กาลเวลาประดุจหยุดคล้อยเคลื่อน
ดั่งดาวเดือนตะวันค้างกลางเวหน
ราวหยุดลมหายใจในบันดล
ทั้งสองคนตะลึงเซ่อเหม่อลอยองค์

อันว่าองค์ราชินีศรีโสภา
พระจามปาเคียงข้างดุจนางหงส์
เคียงคู่เจ้าศรีเชียงเชิดประเสริฐองค์
พระอนงค์พอใจในเหตุการณ์

ด้วยชื่นชมผาแดงผู้แรงเดช
ทอดพระเนตรเห็นงามตามคำขาน
ทั้งทรงทราบสามารถอาจการงาน
ปกครองบ้านครองเมืองจนเลื่องลือ

ทอดพระเนตรกิริยาราชาหนุ่ม
ดูนวลนุ่มแต่แกร่งกล้าน่านับถือ
คิดในใจหทัยมั่นหมายปั้นมือ
อยากจะยื้อเกี่ยวดองหมายปองกัน

ทรงเห็นเหตุพรั่นพรึงตะลึงแล
ผู้เป็นแม่ยินดีมีสุขสันต์
แอบสะกิดพระหัตถ์ขวาสามีพลัน
ว่าดูนั่นเสด็จพี่มีอะไร

สองพระองค์ทราบเรื่องไม่เคืองจิต
กลับยิ่งคิดตรงกันนั่นไฉน
คิดว่าลูกผูกพันรักกันไป
คงสดใสทั้งสองเมืองเลื่องลือนาน

มเหสีพิสุทธิ์ถึงหลุดโอษฐ์
ว่าทรงโปรดเสียจังหวังสืบสาน
เห็นเหมาะสมกันยิ่งดุจกิ่งกาญจน์
เกี่ยวประสานใบหยกคู่ชูฤดี

พระยาขอมเพลินใจได้สติ
จึงดำริตรัสถามตามวิถี
ท่านอุตส่าห์เดินทางกลางราตรี
ถึงที่นี่เพราะเหตุอาเพศใด

ท้าวผาแดงสะดุ้งตื่นฝืนประหม่า
ตอบแก้เก้อไปว่าตัวข้าไซร้
เป็นผู้น้อยรุ่งเรืองอยู่เมืองไกล
หวังรับใช้จอมเมืองเบื้องยุคล

จะขอฝากชีวีอันมียศ
เป็นโอรสต่างเมืองไซร้ไม่สับสน
กับพระองค์เหนือเกล้าเจ้ากมล
โปรดทรงดลความเห็นให้เป็นจริง

พระยาขอมพอใจในคำตรัส
จึงดำรัสมอบหมายให้ลูกหญิง
เป็นธุระราชาอย่าประวิง
ให้องค์หญิงต้อนรับประทับใจ

<มีต่อ>


ไม่มีความคิดเห็น: