วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ตำนานรักผาแดง - นางไอ่ ตอนที่ ๖ โดย. พี่กิตติธร


ตอนที่ ๖

.....จงดูแลขับสู้อยู่เจ็ดวัน
เป็นสำคัญยิ่งนักอย่าผลักไส
คอยแนะนำราวเรื่องประเทืองใจ
สิ่งใดใดอย่าขาดตกบกพร่องเลย

ครั้นทั้งสองใกล้ชิดสนิทกัน
ความสัมพันธ์ชายหญิงไม่นิ่งเฉย
เป็นความรักท่วมใจไร้เปรียบเปรย
ต่างเปิดเผยความนัยของใจกัน

ยิ่งใกล้ชิดยิ่งผูกรักสลักจิต
สองชีวิตรักจริงเป็นมิ่งขวัญ
ต่างเอ่ยออกวาจาสัญญากัน
จะรักมั่นจวบวันตายวายชีวี

ทั้งสัญญาเอ่ยคำจะนำเรื่อง
ที่รักเรืองผุดผ่องของเรานี้
ทูลถวายราชาขอมจอมธานี
หลังเสร็จงานประเพณีที่จะมา

ซึ่งเป็นบุญบั้งไฟอันใหญ่ยิ่ง
งานทุกสิ่งครบครันชวนหรรษา
เมื่อเสร็จงานยิ่งใหญ่วิไลตา
จะขอแม่ขวัญตาเป็นราชินี

เมื่ออยู่ครบเจ็ดราตรีที่กำหนด
ต่างสลดทุกข์ใจไร้สุขี
ผาแดงจำต้องพรากจากนารี
ดวงฤดีหนุ่มสาวเฝ้าอาวรณ์

โอ้ไอ่คำคนดีพี่ลากลับ
เจ้าคอยนับวันเรียงร่วมเคียงหมอน
รักของเราคงมั่นไม่สั่นคลอน
ไม่ต้องวอนเทพไท้ให้ช่วยดล

บุญบั้งไฟคราวนี้พี่มาแน่
ด้วยรักแม่นวลปรางอย่างเหลือล้น
เจ้าไอ่คำนวลอนงค์จงอดทน
ยอดกมลของพี่หนอจงรอคอย

หลังจากนั้นเข้าไปลาพระยาขอม
ผู้เป็นจอมชาวเมืองอย่างเงื่องหงอย
ด้วยอาลัยไม่อยากจากเนื้อกลอย
จึงเศร้าสร้อยลาลับกลับเมืองมา

☼.....จักกล่าวถึงนคราแห่งบาดาล
เป็นสถานฟูเฟื่องเรืองยศฐา
ที่พำนักสถิตอยู่หมู่นาคา
เจ้าพญานาคีศรีสุทโธ

เป็นราชานาคีผู้มีเดช
ครองอาเขตล่วงกาลมานานโข
อันเวียงวังครบถ้วนล้วนใหญ่โต
โอฬาโรล้วนเป็นทิพย์ระยิบไป

ศรีสุทโธมีบุตรสุดที่รัก
ผู้ทรงศักดิ์ซุกซนปนอ่อนไหว
ชื่อภังคีรูปงามถูกตามใจ
พ่อแม่ไซร้รักหวงดั่งดวงตา

คือบุญโปงที่เป็นใบ้ได้ไปเกิด
ถือกำเนิดนาคีมียศฐา
ด้วยผลกรรมที่สร้างแต่ปางมา
เจ้านาคาภังคีหนุ่มกลุ้มใจจริง

ด้วยยินข่าวสรรพางค์นางไอ่คำ
ว่างามล้ำใครใครเห็นเป็นยอดหญิง
ต่างรับรองนงรามว่างามจริง
หวังแอบอิงเนื้อทองผ่องอำไพ

นึกรุ่มร้อนดุจไฟไหม้อุระ
อยากที่จะแอบแลแม่เนื้อใส
ไม่เป็นอันจดจำทำอะไร
กินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับองค์

ให้บังเกิดมโนภาพซาบซึ้งจิต
เป็นนิมิตรูปทรามวัยให้ใหลหลง
แม้มิเคยประสบพบอนงค์
จิตลุ่มหลงสิเหน่หาเฝ้าอาวรณ์

จึงทูลขอมารดาบิดานาค
ว่าลูกอยากพิศพวงดวงสมร
ใจของลูกว้าวุ่นครุ่นนิวรณ์
ให้เร่าร้อนอยากเห็นเป็นบุญตา

ได้ยินชื่อทรามวัยนางไอ่คำ
ว่างามล้ำสุปรีย์มียศฐา
ลูกขอไปยลพักตร์ลักขณา
แล้วจะมาบาดาลไม่นานไป

ภังคีขอไม่บรรลุอนุญาต
เธอไม่อาจรวนเรเถลไถล
ถูกทัดทานจากแม่พ่อก็จำใจ
เจ้าจึงได้แต่รุ่มร้อนถอนอุรา

โดยทั้งสองสอนให้ไตร่ตรองเหตุ
จะอาเพศแปลกไปไฉนหนา
อันมนุษย์ไม่อาจอยู่คู่นาคา
กรรมสร้างมาจงรู้ใช่คู่กัน

เอาเถิดหนาพ่อจะหานางนาคี
ที่โสภีพริ้งเพริศงามเฉิดฉันท์
มวลหมู่นางนาคาวิลาวัณย์
มีอนันต์นานาในบาดาล

ส่วนภังคีนิดเดียวไม่เหลียวแล
ทรงมีแต่นิ่งองค์น่าสงสาร
แม้นางนาคมากมวลล้วนสะคราญ
เจ้าเมินเฉยมองผ่านรำคาญใจ

ด้วยความรักเร้ารุมเป็นลุ่มหลง
จิตมั่นคงผูกพันไม่หวั่นไหว
ฝันอิงแอบนวลปรางไว้กลางใจ
แม้มิได้เคยพบประสบเจอ

เฝ้าฝันใฝ่ใจลอยคอยคิดถึง
สักวันหนึ่งคงพบนางหวังเสมอ
มั่นใจนักสักเวลาต้องมาเจอ
พบหน้าเธอยอดสตรีที่เลื่องลือ

☼.....ครั้นเมื่อวันวิสาข์ใกล้มาถึง
คล้ายวันซึ่งพระจอมไตรได้มาถือ
เอากำเนิดเกิดกายให้โลกลือ
แล้วได้ชื่อสิทธัตถะพระกุมาร

ยังคล้ายวันแจ้งชัดตรัสรู้
ประทับอยู่ใต้โพธิ์รโหฐาน
เอาชำนะจอมฟ้าพญามาร
ที่รุกรานไล่พระองค์ลงบัลลังก์

แล้วตรัสรู้อริยสัจแจ้งชัดเหตุ
ตัดกิเลสดองกมลแต่หนหลัง
กำเนิดใหม่ด้วยกายธรรมไร้กรรมบัง
ณ ริมฝั่งชลธารเนรัญชรา

สิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์
พระทรงธรรม์ทำได้ไม่ศึกษา
จากสำนักใดใดในโลกา
พระสัมมารู้พ้นด้วยตนเอง

ทั้งยังคล้ายวันละพระสังขาร
พระองค์ท่านตรัสไว้ได้ถูกเผง
ทรงกำหนดวันลับดับขันธ์เอง
พระทรงเปล่งวาจาล่วงหน้านาน

เพ็ญเดือนหกสำคัญถึงปานนี้
จึงได้มีบูชามหาศาล
ประเพณีใหญ่โตแต่โบราณ
บูชาท่านทรงธรรมพระสัมมา

พระยาขอมจัดบูชาในครานี้
อลังการเหลือที่จะสรรหา
สุดที่จะจำนรรจ์พรรณนา
ทรงบูชานอบน้อมจอมมุนี

จึงตรัสสั่งอำมาตย์ราชการ
ให้เตรียมงานยิ่งใหญ่ในครานี้
จัดตกแต่งเวียงวังดังทุกปี
อย่าให้มีบกพร่องขุ่นข้องใจ

ให้จัดแบ่งมนตรีมีมากมาย
เป็นสามฝ่ายดูแลจัดแก้ไข
อันฝ่ายแรกจงแถลงแข่งบั้งไฟ
และแข่งกลองแจ้งไปในต่างเมือง

โดยกำชับกำชาว่าเมืองนี้
คือผาโพงธานีที่ลือเลื่อง
มีผาแดงไท้ท้าวเป็นเจ้าเมือง
ผู้รุ่งเรืองทรงฤทธิ์ทิศอุดร

เมืองที่สองสงยางอยู่ทางใต้
เยื้องออกไปตะวันออกไม่ยอกย้อน
เจ้าฟ้าแดดทรงทราบเรื่องกาพย์กลอน
ร่วมอุทรอนุชาของข้านี้

<มีต่อ>

ไม่มีความคิดเห็น: