แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กลอนตำนานรักผาแดง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กลอนตำนานรักผาแดง แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ตำนานรักผาแดง-นางไอ่ ตอนที่ ๒ โดย พี่กิตติธร



...ตอนที่ ๒

.....ว่านี้เป็นคำของทั้งสองท่าน
ที่จัดการเพราะรักเป็นนักหนา
ชีวิตลูกได้เกิดกำเนิดมา
เพราะบิดามารดาไซร้ให้ชีวี

ลูกจักต้องกระทำตามคำแน่
ไม่มีแต่ให้ทั้งสองต้องหมองศรี
ลูกจะทำตามสั่งเป็นอย่างดี
มีสามีเป็นใบ้ไม่อายคน

เมื่อตกลงกันได้ไร้ปัญหา
เจ้ากานดาตอบรับไม่สับสน
เรียกบุญโปงคนขยันในบันดล
แสดงตนภาษาใบ้ให้รู้ความ

ว่าจะยกบุตรีศรีโสภา
เป็นภรรยาเจ้าไซร้จึงได้ถาม
เป็นมิ่งขวัญเชยชิดคอยติดตาม
จะเห็นงามตามอ้างหรืออย่างไร

ทั้งเพชรนิลจินดามหาศาล
ทั้งเรือนชานไร่นาดีที่เคยไถ
ยกให้เจ้าพร้อมธิดาจะว่าไง
เจ้าบุญโปงปลงใจในทันที

ผงกหัวยอมรับในฉับพลัน
รีบรับคำจำนรรจ์ท่านเศรษฐี
แล้วไปทำงานต่อไม่รอรี
ไม่ได้มีเริงรื่นชื่นอุรา

เจ้าบุญโปงได้สาวพราวเสน่ห์
แต่หักเหแปรผันไม่หรรษา
เจ้าเร่าร้อนไม่อาจอยู่คู่กานดา
ภรรยาเข้าใกล้ดุจไฟลน

นางคำหอมขึ้นเตียงพ่อเลี่ยงออก
มาข้างนอกนอนคู้ดูสับสน
คำหอมตามมาคู่อยู่ข้างตน
เจ้าร้อนรนลุกหนีทุกทีไป

เจ้าคำหอมโฉมตรูดูแปลกจิต
ยังตามติดดูแลคอยแก้ไข
ทำหน้าที่ของเมียไม่เพลียใจ
ตื่นแต่เช้าจัดให้ทันใดพลัน

น้ำบ้วนปากล้างหน้าผ้าสะอาด
นางไม่ขาดเตรียมไว้ให้ผัวขวัญ
จัดสำรับอย่างดีมีครบครัน
เตรียมทุกวันทุกมื้อด้วยมือเอง

ครั้นตอนผัวกลับมาจากนาสวน
แม่เนื้อนวลคอยรับกระฉับกระเฉง
สัมภาระเก็บให้ไม่ทำเพลง
นางบรรเลงเสร็จสรรพประทับใจ

ถึงตอนค่ำห้องหับที่หลับนอน
เจ้าเนื้ออ่อนไม่รวนเรเถลไถล
จัดปัดแต่งเตียงฟูกให้ถูกใจ
ทั้งฟืนไฟส่องสว่างทุกอย่างดี

ฝ่ายเจ้าผัวหาเหลียวแลแม่งามขำ
คงบาปซ้ำกรรมต้องให้หมองศรี
กลับเป็นว่าโชคร้ายได้เมียดี
ใกล้ทุกทีตัวเจ้าให้เร่าร้อน

จึงเป็นอยู่อย่างนี้นับปีผ่าน
ให้รำคาญอัดอู้อยู่สังหรณ์
เกิดเบื่อหน่ายไร้สุขทุกข์นิวรณ์
หวนคิดถึงที่นอนแต่ก่อนมา

ให้คิดถึงพ่อแม่ที่แก่เฒ่า
ใครจะเฝ้าดูแลแกเล่าหนา
อีกเพื่อนบ้านผูกพันกันนานมา
ไม่เห็นหน้าค่าตามาเนิ่นนาน

ยิ่งคิดถึงยิ่งนับอยากกลับถิ่น
อยากโบยบินลาลับกลับสถาน
จึงไปบอกพ่อตาด้วยอาการ
สื่อประสานบอกลาด้วยท่าตน

ฝ่ายเศรษฐีไม่มีที่จะขัด
ถึงจะทัดทานเห็นไม่เป็นผล
จำต้องยินยอมให้ในบันดล
ทั้งให้ขนค่าแรงแบ่งเอาไป

เจ้าบุญโปงห่อเหน็บเก็บข้าวของ
ทั้งเงินทองผ้าทอเอาพอใช้
เจ้าคำหอมหมองหม่นนั่งจนใจ
จึงได้แต่เหลือบแลมองแม่วอน

ว่าแม่จ๋าแต่ครั้งลูกยังเด็ก
เมื่อยังเล็กเบาะแบแม่สั่งสอน
เมื่อออกเรือนมีชู้คู่เคียงนอน
จงอาทรปรนนิบัติคอยพัดวี

มาบัดนี้ผัวรักจะจากไป
ลูกมิได้เกรงขามตามวิถี
ขอทำให้โลกเห็นเป็นเมียดี
ขอติดตามสามีทุกที่ไป

ฝ่ายผู้แม่เข้าใจในดวงจิต
จึงสะกิดดวงแดแม่เนื้อใส
เอาเถิดลูกคนงามติดตามไป
เจ้าอย่าได้แรมร้างห่างผัวเลย

เจ้าจะไปอย่างไรตามใจเจ้า
อยู่กับเขาลูกหญิงอย่านิ่งเฉย
เอาการงานนานาอย่าละเลย
คำหอมเอ๋ยไปเถิดเจ้าแม่เข้าใจ

อันข้าวของสมบัติแม่จัดแล้ว
โอ้ลูกแก้วยังทันอย่าหวั่นไหว
ทั้งเสบียงเลี้ยงตัวอย่ากลัวไป
แม่จัดให้เรียบร้อยคอยท่าที

เจ้าบุญโปงลาแล้วก็แจวจ้ำ
สะพายห่อข้าวน้ำแล้วจ้ำหนี
ออกประตูบ้านไปไม่รอรี
ไม่สนใจไยดีที่ใดใด

เจ้าคำหอมอ้างว้างรักข้างเดียว
ใจแน่นเหนียวคงมั่นไม่หวั่นไหว
เจ้ารักเดียวใจเดียวไม่เหลียวใจ
หอบผ้าได้นงรามติดตามทัน

ออกเดินทางจากบ้านท่านเศรษฐี
เจ้าสามีไม่แลแม่เฉิดฉันท์
รีบออกเดินจากไปไม่รอกัน
คำหอมกลั้นกล้ำกลืนฝืนฤดี

เจ้าหอบของครรไลไปตามหลัง
ครั้นหนักจังทรุดร่างข้างวิถี
นางต้องกลั้นน้ำตาด้วยสามี
ไม่ยินดียินร้ายกระไรเลย

ไม่ช่วยแบกช่วยถือยังไม่ว่า
แม้ทีท่าก็ไม่มีสามีเอ๋ย
ช่างใจดำหาใดเทียบมาเปรียบเปรย
ไร้คำเอ่ยไร้เอื้อเฟื้อเหลือจะทน

พากันแรมรอนไปในเส้นทาง
พอเหนื่อยนักพักบ้างข้างถนน
ครั้นโหยหิวได้เสบียงพอเลี้ยงตน
ดุจคนยากคนจนบนหนทาง

พอค่ำมาอาศัยร่มไม้พึ่ง
พอหลับได้คืนหนึ่งถึงรุ่งสาง
เจ้าบุญโปงไม่อยู่คู่กับนาง
ปีนเก้งก้างขึ้นต้นไม้อาศัยนอน

นอนเบื้องล่างคุดคู้แต่ผู้เดียว
ให้หวาดเสียวดวงจิตคอยคิดหลอน
กลัวภูตผีสัตว์ร้ายไม่คลายคลอน
ไม่อาจนอนหลับตาทั้งราตรี

☼.....รอนแรมไปหลายวันอาหารหมด
ต้องทนอดทุกข์ไฉนในครานี้
เดินเท้าเปล่ากายระกำช้ำฤดี
เจ้าสามีก็ไม่เอื้อเหลือจะทน

ต่างเหนื่อยอ่อนหวั่นไหวให้โหยหิว
มองทุ่งทิวหญ้าแห้งทุกแห่งหน
ผ่านป่าบ้างทุ่งบ้างต่างจำทน
จนกาลวนเปลี่ยนไปใกล้สนธยา

ฝูงนกกาลาลับกลับคืนเหย้า
ลูกของเจ้าคอยแม่เฝ้าแลหา
ต่างส่งเสียงลั่นไปในพนา
เสียงเจื้อยแจ้วจ๊ะจ๋าประสามัน

สองผัวเมียถึงชานลำธารใหญ่
ระรินไหลใสสะอาดไม่คาดฝัน
ลงดื่มกินอาบกายสบายครัน
ดวงจิตพลันสดชื่นรื่นกมล

<มีต่อ>

ตำนานรักผาแดง - นางไอ่ ตอนที่ ๑ โดย. พี่กิตติธร



...ตอนที่ ๑

☼.....มาจะกล่าวบทไป..
ถึงหนองน้ำกว้างใหญ่ในอิสาน
แหล่งอาศัยปูปลามาช้านาน
เดียรดารปทุมาบรรดามี

มวลหมู่ปักษามาอาศัย
ทั้งหากินหลบภัยไม่หน่ายหนี
ตัวใหญ่น้อยเกลื่อนกล่นชลธี
นกเป็ดน้ำกระสามีทุกที่ไป

นามหนองหานเลื่องลือชื่อกระฉ่อน
เป็นบทกลอนกล่าวขานนานไฉน
หมู่หมอลำเล่นเรื่องประเทืองใจ
ถึงหนองใหญ่สืบสานมานานนม

ในอดีตคนเก่าต่างเล่าขาน
เป็นตำนานไพเราะอย่างเหมาะสม
ให้หมู่ชนรุ่นหลังตั้งอารมณ์
เกิดอุดมปัญญามาดำเนิน

ให้รู้จักบาปกรรมทำดีชั่ว
ไม่เมามัวเดินทางอย่างผิวเผิน
อุปสรรคหลากหลายได้เผชิญ
หากดำเนินทางผิดชีวิตจม

แม้เรียนรู้ทางนี้ดีสว่าง
จักละเลยลาร้างทางขื่นขม
สู่ทางบุญหนุนนำจำอารมณ์
ได้ชื่นชมความสุขทุกทิวา

จึงจักเล่าหนองหานตำนานย้อน
เป็นคำกลอนฝากไว้ให้ศึกษา
ส.พยัคฆ์เรียงคำเป็นตำรา
เอาแบบของท่านมาว่าเป็นกลอน

แม้นผิดพลาดพลั้งไปในกลอนนี้
โปรดช่วยชี้ทางด้วยช่วยสั่งสอน
จะจดจำคำไว้ไม่นิ่งนอน
พัฒนาบทกลอนไม่คลอนคลาย

ขอเริ่มเรื่องความย้อนก่อนหนองหาน
ก่อนตำนานแผ่นดินสิ้นสลาย
ถึงต้นเหตุบุพพกรรมทำวอดวาย
ล่มมลายสูญสิ้นแผ่นดินคน.

☼.....ในอดีตนานเนาสูเจ้าเอ๋ย
กาลล่วงเลยเปลี่ยนผันนับพันฝน
ตามตำนานกล่าวไว้ชายหนึ่งคน
มีฐานะยากจนขัดสนเงิน

เป็นคนดีคนชั่วก็มิใช่
แต่เป็นใบ้ฟังไม่รู้ดูขัดเขิน
เสียงที่เปล่งออกมาไม่พาเพลิน
ต้องประเมินกิริยาดูท่าที

เจ้าเป็นคนขยันหมั่นทำกิน
งานทั้งสิ้นขวนขวายไม่หน่ายหนี
เลี้ยงครอบครัวด้วยกำลังวังชาดี
ไม่ได้มีเกียจคร้านการงานใด

อันฉายานั้นหรือคือบุญโปง
ไม่คดโกงเป็นมาแต่คราไหน
ครั้นต่อมาอยากลองท่องเที่ยวไป
ตั้งความหวังรับใช้ได้เงินมา

จึงบอกใบ้แม่พ่อขอเดินทาง
จะลองไปรับจ้างดูบ้างหนา
หางานทำในเมืองเลื่องลือชา
ถ้ามีงานเงินก็มาน่าจะดี

พ่อแม่ดูภาษาใบ้เข้าใจบุตร
ไม่ยื้อยุดฉุดไว้ให้หมองศรี
ตามใจลูกเถิดหนาไปมาดี
ไปครั้งนี้ให้มั่นคงจงจำเริญ

เจ้าบุญโปงซัดเซพเนจร
เที่ยวเร่ร่อนดั่งนกวิหคเหิน
ผ่านทุ่งป่าพนาไพรในทางเดิน
ระหกเหิรหารับจ้างสร้างชีวิน

สู่บ้านน้อยบ้านใหญ่หลายวันผ่าน
ล่วงลำธารคูหนองคลองโขดหิน
ล่วงไร่นาป่าสงวนชวนยลยิน
จนลุถิ่นเมืองงามอร่ามตา

เมืองเจริญการค้าไปมาคล่อง
ชนทั้งผองอยู่ดีมีหรรษา
ประชาชนขวักไขว่เดินไปมา
ใครใคร่ค้าสิ่งใดไม่ยากเย็น

ในนครมีเศรษฐีมหาศาล
ทรัพย์ศฤงคารมากหลายใครใครเห็น
มีบุตรสาวผ่องพรรณดุจจันทร์เพ็ญ
เจ้าเนื้อเย็นนามคำหอมจอมโสภี

หนุ่มบุญโปงดั้นด้นจนวันหนึ่ง
ได้ลุถึงเรือนชานบ้านเศรษฐี
ได้ประจวบจำเพาะเหมาะพอดี
ท่านเศรษฐีกลุ้มกมลขาดคนใช้

จึงเข้าไปติดต่อของานทำ
เจ้าส่งคำเป็นภาษาท่าอ่อนไหว
ท่านเศรษฐีกล้ำกลืนยืนถอนใจ
ภาษาใบ้ไม่รู้ดูไม่เป็น

ครั้นจะถามถิ่นฐานจากบ้านไหน
ก็จนใจฟังไม่รู้ดูยากเข็ญ
คาดเอาจากสายตาว่าลำเค็ญ
พอมองเห็นรู้ว่าหางานทำ

เศรษฐีรับวาจาภาษาใบ้
ทำท่าไปพอรับรู้ดูน่าขำ
ปากก็พูดมือก็กางท่าทางรำ
พอรู้คำรับเจ้าเข้าทำงาน

หนุ่มบุญโปงคนขยันเจ้าขันแข็ง
ทุ่มเรี่ยวแรงหวังชีวีมีหลักฐาน
เจ้าอดทนทำได้ไม่รำคาญ
มุ่งแต่งานไม่มีท่าทีโรย

หนักก็เอาเบาก็สู้รู้หน้าที่
เรี่ยวแรงดีทำไปไม่มีโหย
ทั้งซื่อสัตย์มีน้ำใจไม่ขโมย
ทำงานโดยเกินค่าจ้างหรือรางวัล

จนเศรษฐีรักใคร่ดุจได้ลูก
จิตพันผูกพอใจไร้เดียดฉันท์
เฝ้าคอยดูกิริยาทีท่ามัน
นึกชื่นชมความขยันของมันไป

ครั้นต่อมาเศรษฐีเห็นดีแน่
นึกถึงแม่ลูกสาวเยาว์สดใส
ถ้าได้ยกแจ่มจันทร์ให้มันไป
คงสบายเป็นสุขทุกทิวา

จึงปรึกษาโฉมตรูคู่ชีวิต
ว่านี่แม่ขวัญจิตคิดดูหนา
ถ้ายกแม่คำหอมจอมโสภา
ให้บุญโปงนั่นหนาจะว่าไง

เจ้าบุญโปงถึงมันใบ้แต่ไม่เซ่อ
และนี่เธอความขยันนั่นไฉน
ถ้าลูกเราได้อยู่คู่มันไป
คงสุขใจตลอดชาติไม่คลาดแคล้ว

อีกทั้งเราแก่เฒ่าเข้าทุกที
คงเป็นผีเฝ้าสุสานไม่นานแล้ว
พวกสมบัติมากมายมีหลายแนว
อีกทั้งแก้วรัตนาบรรดามี

ลำพังลูกของเราหรือเฝ้าไหว
คงพินาศเมื่อเราตายกลายเป็นผี
ลูกไม่อาจคุ้มครองตรองดีดี
ต้องให้มีคู่เคียงร่วมเรียงกัน

ครั้นมองหาชายอื่นอีกหมื่นร้อย
ไม่เห็นรอยทีท่าว่าขยัน
ที่ดีดีก็ไม่มีมาติดพัน
มีแต่มันเจ้าใบ้ที่ได้แล

ฝ่ายภรรยาเห็นงามตามเศรษฐี
จึงคิดยกบุตรีตามกระแส
ให้บุญโปงคนขยันไม่ผันแปร
คิดว่าแม่ลูกสาวคงเข้าใจ

จึงไต่ถามคำหอมแม่จอมจิต
เจ้าจะคิดดั่งพ่อเห็นเป็นไฉน
แม้ว่าลูกได้อยู่คู่มันไป
เจ้าจะได้ไร้ทุกข์สุขยืนยาว

เจ้าคำหอมมิได้ปฏิเสธ
ด้วยอาเพศดวงแดแม่เนื้อขาว
พึงพอใจแอบดูอยู่ครั้งคราว
แม่ลูกสาวรับคำจำนรรจา.

<มีต่อ>