...ตอนที่ ๒
.....ว่านี้เป็นคำของทั้งสองท่าน
ที่จัดการเพราะรักเป็นนักหนา
ชีวิตลูกได้เกิดกำเนิดมา
เพราะบิดามารดาไซร้ให้ชีวี
ลูกจักต้องกระทำตามคำแน่
ไม่มีแต่ให้ทั้งสองต้องหมองศรี
ลูกจะทำตามสั่งเป็นอย่างดี
มีสามีเป็นใบ้ไม่อายคน
เมื่อตกลงกันได้ไร้ปัญหา
เจ้ากานดาตอบรับไม่สับสน
เรียกบุญโปงคนขยันในบันดล
แสดงตนภาษาใบ้ให้รู้ความ
ว่าจะยกบุตรีศรีโสภา
เป็นภรรยาเจ้าไซร้จึงได้ถาม
เป็นมิ่งขวัญเชยชิดคอยติดตาม
จะเห็นงามตามอ้างหรืออย่างไร
ทั้งเพชรนิลจินดามหาศาล
ทั้งเรือนชานไร่นาดีที่เคยไถ
ยกให้เจ้าพร้อมธิดาจะว่าไง
เจ้าบุญโปงปลงใจในทันที
ผงกหัวยอมรับในฉับพลัน
รีบรับคำจำนรรจ์ท่านเศรษฐี
แล้วไปทำงานต่อไม่รอรี
ไม่ได้มีเริงรื่นชื่นอุรา
เจ้าบุญโปงได้สาวพราวเสน่ห์
แต่หักเหแปรผันไม่หรรษา
เจ้าเร่าร้อนไม่อาจอยู่คู่กานดา
ภรรยาเข้าใกล้ดุจไฟลน
นางคำหอมขึ้นเตียงพ่อเลี่ยงออก
มาข้างนอกนอนคู้ดูสับสน
คำหอมตามมาคู่อยู่ข้างตน
เจ้าร้อนรนลุกหนีทุกทีไป
เจ้าคำหอมโฉมตรูดูแปลกจิต
ยังตามติดดูแลคอยแก้ไข
ทำหน้าที่ของเมียไม่เพลียใจ
ตื่นแต่เช้าจัดให้ทันใดพลัน
น้ำบ้วนปากล้างหน้าผ้าสะอาด
นางไม่ขาดเตรียมไว้ให้ผัวขวัญ
จัดสำรับอย่างดีมีครบครัน
เตรียมทุกวันทุกมื้อด้วยมือเอง
ครั้นตอนผัวกลับมาจากนาสวน
แม่เนื้อนวลคอยรับกระฉับกระเฉง
สัมภาระเก็บให้ไม่ทำเพลง
นางบรรเลงเสร็จสรรพประทับใจ
ถึงตอนค่ำห้องหับที่หลับนอน
เจ้าเนื้ออ่อนไม่รวนเรเถลไถล
จัดปัดแต่งเตียงฟูกให้ถูกใจ
ทั้งฟืนไฟส่องสว่างทุกอย่างดี
ฝ่ายเจ้าผัวหาเหลียวแลแม่งามขำ
คงบาปซ้ำกรรมต้องให้หมองศรี
กลับเป็นว่าโชคร้ายได้เมียดี
ใกล้ทุกทีตัวเจ้าให้เร่าร้อน
จึงเป็นอยู่อย่างนี้นับปีผ่าน
ให้รำคาญอัดอู้อยู่สังหรณ์
เกิดเบื่อหน่ายไร้สุขทุกข์นิวรณ์
หวนคิดถึงที่นอนแต่ก่อนมา
ให้คิดถึงพ่อแม่ที่แก่เฒ่า
ใครจะเฝ้าดูแลแกเล่าหนา
อีกเพื่อนบ้านผูกพันกันนานมา
ไม่เห็นหน้าค่าตามาเนิ่นนาน
ยิ่งคิดถึงยิ่งนับอยากกลับถิ่น
อยากโบยบินลาลับกลับสถาน
จึงไปบอกพ่อตาด้วยอาการ
สื่อประสานบอกลาด้วยท่าตน
ฝ่ายเศรษฐีไม่มีที่จะขัด
ถึงจะทัดทานเห็นไม่เป็นผล
จำต้องยินยอมให้ในบันดล
ทั้งให้ขนค่าแรงแบ่งเอาไป
เจ้าบุญโปงห่อเหน็บเก็บข้าวของ
ทั้งเงินทองผ้าทอเอาพอใช้
เจ้าคำหอมหมองหม่นนั่งจนใจ
จึงได้แต่เหลือบแลมองแม่วอน
ว่าแม่จ๋าแต่ครั้งลูกยังเด็ก
เมื่อยังเล็กเบาะแบแม่สั่งสอน
เมื่อออกเรือนมีชู้คู่เคียงนอน
จงอาทรปรนนิบัติคอยพัดวี
มาบัดนี้ผัวรักจะจากไป
ลูกมิได้เกรงขามตามวิถี
ขอทำให้โลกเห็นเป็นเมียดี
ขอติดตามสามีทุกที่ไป
ฝ่ายผู้แม่เข้าใจในดวงจิต
จึงสะกิดดวงแดแม่เนื้อใส
เอาเถิดลูกคนงามติดตามไป
เจ้าอย่าได้แรมร้างห่างผัวเลย
เจ้าจะไปอย่างไรตามใจเจ้า
อยู่กับเขาลูกหญิงอย่านิ่งเฉย
เอาการงานนานาอย่าละเลย
คำหอมเอ๋ยไปเถิดเจ้าแม่เข้าใจ
อันข้าวของสมบัติแม่จัดแล้ว
โอ้ลูกแก้วยังทันอย่าหวั่นไหว
ทั้งเสบียงเลี้ยงตัวอย่ากลัวไป
แม่จัดให้เรียบร้อยคอยท่าที
เจ้าบุญโปงลาแล้วก็แจวจ้ำ
สะพายห่อข้าวน้ำแล้วจ้ำหนี
ออกประตูบ้านไปไม่รอรี
ไม่สนใจไยดีที่ใดใด
เจ้าคำหอมอ้างว้างรักข้างเดียว
ใจแน่นเหนียวคงมั่นไม่หวั่นไหว
เจ้ารักเดียวใจเดียวไม่เหลียวใจ
หอบผ้าได้นงรามติดตามทัน
ออกเดินทางจากบ้านท่านเศรษฐี
เจ้าสามีไม่แลแม่เฉิดฉันท์
รีบออกเดินจากไปไม่รอกัน
คำหอมกลั้นกล้ำกลืนฝืนฤดี
เจ้าหอบของครรไลไปตามหลัง
ครั้นหนักจังทรุดร่างข้างวิถี
นางต้องกลั้นน้ำตาด้วยสามี
ไม่ยินดียินร้ายกระไรเลย
ไม่ช่วยแบกช่วยถือยังไม่ว่า
แม้ทีท่าก็ไม่มีสามีเอ๋ย
ช่างใจดำหาใดเทียบมาเปรียบเปรย
ไร้คำเอ่ยไร้เอื้อเฟื้อเหลือจะทน
พากันแรมรอนไปในเส้นทาง
พอเหนื่อยนักพักบ้างข้างถนน
ครั้นโหยหิวได้เสบียงพอเลี้ยงตน
ดุจคนยากคนจนบนหนทาง
พอค่ำมาอาศัยร่มไม้พึ่ง
พอหลับได้คืนหนึ่งถึงรุ่งสาง
เจ้าบุญโปงไม่อยู่คู่กับนาง
ปีนเก้งก้างขึ้นต้นไม้อาศัยนอน
นอนเบื้องล่างคุดคู้แต่ผู้เดียว
ให้หวาดเสียวดวงจิตคอยคิดหลอน
กลัวภูตผีสัตว์ร้ายไม่คลายคลอน
ไม่อาจนอนหลับตาทั้งราตรี
☼.....รอนแรมไปหลายวันอาหารหมด
ต้องทนอดทุกข์ไฉนในครานี้
เดินเท้าเปล่ากายระกำช้ำฤดี
เจ้าสามีก็ไม่เอื้อเหลือจะทน
ต่างเหนื่อยอ่อนหวั่นไหวให้โหยหิว
มองทุ่งทิวหญ้าแห้งทุกแห่งหน
ผ่านป่าบ้างทุ่งบ้างต่างจำทน
จนกาลวนเปลี่ยนไปใกล้สนธยา
ฝูงนกกาลาลับกลับคืนเหย้า
ลูกของเจ้าคอยแม่เฝ้าแลหา
ต่างส่งเสียงลั่นไปในพนา
เสียงเจื้อยแจ้วจ๊ะจ๋าประสามัน
สองผัวเมียถึงชานลำธารใหญ่
ระรินไหลใสสะอาดไม่คาดฝัน
ลงดื่มกินอาบกายสบายครัน
ดวงจิตพลันสดชื่นรื่นกมล
.....ว่านี้เป็นคำของทั้งสองท่าน
ที่จัดการเพราะรักเป็นนักหนา
ชีวิตลูกได้เกิดกำเนิดมา
เพราะบิดามารดาไซร้ให้ชีวี
ลูกจักต้องกระทำตามคำแน่
ไม่มีแต่ให้ทั้งสองต้องหมองศรี
ลูกจะทำตามสั่งเป็นอย่างดี
มีสามีเป็นใบ้ไม่อายคน
เมื่อตกลงกันได้ไร้ปัญหา
เจ้ากานดาตอบรับไม่สับสน
เรียกบุญโปงคนขยันในบันดล
แสดงตนภาษาใบ้ให้รู้ความ
ว่าจะยกบุตรีศรีโสภา
เป็นภรรยาเจ้าไซร้จึงได้ถาม
เป็นมิ่งขวัญเชยชิดคอยติดตาม
จะเห็นงามตามอ้างหรืออย่างไร
ทั้งเพชรนิลจินดามหาศาล
ทั้งเรือนชานไร่นาดีที่เคยไถ
ยกให้เจ้าพร้อมธิดาจะว่าไง
เจ้าบุญโปงปลงใจในทันที
ผงกหัวยอมรับในฉับพลัน
รีบรับคำจำนรรจ์ท่านเศรษฐี
แล้วไปทำงานต่อไม่รอรี
ไม่ได้มีเริงรื่นชื่นอุรา
เจ้าบุญโปงได้สาวพราวเสน่ห์
แต่หักเหแปรผันไม่หรรษา
เจ้าเร่าร้อนไม่อาจอยู่คู่กานดา
ภรรยาเข้าใกล้ดุจไฟลน
นางคำหอมขึ้นเตียงพ่อเลี่ยงออก
มาข้างนอกนอนคู้ดูสับสน
คำหอมตามมาคู่อยู่ข้างตน
เจ้าร้อนรนลุกหนีทุกทีไป
เจ้าคำหอมโฉมตรูดูแปลกจิต
ยังตามติดดูแลคอยแก้ไข
ทำหน้าที่ของเมียไม่เพลียใจ
ตื่นแต่เช้าจัดให้ทันใดพลัน
น้ำบ้วนปากล้างหน้าผ้าสะอาด
นางไม่ขาดเตรียมไว้ให้ผัวขวัญ
จัดสำรับอย่างดีมีครบครัน
เตรียมทุกวันทุกมื้อด้วยมือเอง
ครั้นตอนผัวกลับมาจากนาสวน
แม่เนื้อนวลคอยรับกระฉับกระเฉง
สัมภาระเก็บให้ไม่ทำเพลง
นางบรรเลงเสร็จสรรพประทับใจ
ถึงตอนค่ำห้องหับที่หลับนอน
เจ้าเนื้ออ่อนไม่รวนเรเถลไถล
จัดปัดแต่งเตียงฟูกให้ถูกใจ
ทั้งฟืนไฟส่องสว่างทุกอย่างดี
ฝ่ายเจ้าผัวหาเหลียวแลแม่งามขำ
คงบาปซ้ำกรรมต้องให้หมองศรี
กลับเป็นว่าโชคร้ายได้เมียดี
ใกล้ทุกทีตัวเจ้าให้เร่าร้อน
จึงเป็นอยู่อย่างนี้นับปีผ่าน
ให้รำคาญอัดอู้อยู่สังหรณ์
เกิดเบื่อหน่ายไร้สุขทุกข์นิวรณ์
หวนคิดถึงที่นอนแต่ก่อนมา
ให้คิดถึงพ่อแม่ที่แก่เฒ่า
ใครจะเฝ้าดูแลแกเล่าหนา
อีกเพื่อนบ้านผูกพันกันนานมา
ไม่เห็นหน้าค่าตามาเนิ่นนาน
ยิ่งคิดถึงยิ่งนับอยากกลับถิ่น
อยากโบยบินลาลับกลับสถาน
จึงไปบอกพ่อตาด้วยอาการ
สื่อประสานบอกลาด้วยท่าตน
ฝ่ายเศรษฐีไม่มีที่จะขัด
ถึงจะทัดทานเห็นไม่เป็นผล
จำต้องยินยอมให้ในบันดล
ทั้งให้ขนค่าแรงแบ่งเอาไป
เจ้าบุญโปงห่อเหน็บเก็บข้าวของ
ทั้งเงินทองผ้าทอเอาพอใช้
เจ้าคำหอมหมองหม่นนั่งจนใจ
จึงได้แต่เหลือบแลมองแม่วอน
ว่าแม่จ๋าแต่ครั้งลูกยังเด็ก
เมื่อยังเล็กเบาะแบแม่สั่งสอน
เมื่อออกเรือนมีชู้คู่เคียงนอน
จงอาทรปรนนิบัติคอยพัดวี
มาบัดนี้ผัวรักจะจากไป
ลูกมิได้เกรงขามตามวิถี
ขอทำให้โลกเห็นเป็นเมียดี
ขอติดตามสามีทุกที่ไป
ฝ่ายผู้แม่เข้าใจในดวงจิต
จึงสะกิดดวงแดแม่เนื้อใส
เอาเถิดลูกคนงามติดตามไป
เจ้าอย่าได้แรมร้างห่างผัวเลย
เจ้าจะไปอย่างไรตามใจเจ้า
อยู่กับเขาลูกหญิงอย่านิ่งเฉย
เอาการงานนานาอย่าละเลย
คำหอมเอ๋ยไปเถิดเจ้าแม่เข้าใจ
อันข้าวของสมบัติแม่จัดแล้ว
โอ้ลูกแก้วยังทันอย่าหวั่นไหว
ทั้งเสบียงเลี้ยงตัวอย่ากลัวไป
แม่จัดให้เรียบร้อยคอยท่าที
เจ้าบุญโปงลาแล้วก็แจวจ้ำ
สะพายห่อข้าวน้ำแล้วจ้ำหนี
ออกประตูบ้านไปไม่รอรี
ไม่สนใจไยดีที่ใดใด
เจ้าคำหอมอ้างว้างรักข้างเดียว
ใจแน่นเหนียวคงมั่นไม่หวั่นไหว
เจ้ารักเดียวใจเดียวไม่เหลียวใจ
หอบผ้าได้นงรามติดตามทัน
ออกเดินทางจากบ้านท่านเศรษฐี
เจ้าสามีไม่แลแม่เฉิดฉันท์
รีบออกเดินจากไปไม่รอกัน
คำหอมกลั้นกล้ำกลืนฝืนฤดี
เจ้าหอบของครรไลไปตามหลัง
ครั้นหนักจังทรุดร่างข้างวิถี
นางต้องกลั้นน้ำตาด้วยสามี
ไม่ยินดียินร้ายกระไรเลย
ไม่ช่วยแบกช่วยถือยังไม่ว่า
แม้ทีท่าก็ไม่มีสามีเอ๋ย
ช่างใจดำหาใดเทียบมาเปรียบเปรย
ไร้คำเอ่ยไร้เอื้อเฟื้อเหลือจะทน
พากันแรมรอนไปในเส้นทาง
พอเหนื่อยนักพักบ้างข้างถนน
ครั้นโหยหิวได้เสบียงพอเลี้ยงตน
ดุจคนยากคนจนบนหนทาง
พอค่ำมาอาศัยร่มไม้พึ่ง
พอหลับได้คืนหนึ่งถึงรุ่งสาง
เจ้าบุญโปงไม่อยู่คู่กับนาง
ปีนเก้งก้างขึ้นต้นไม้อาศัยนอน
นอนเบื้องล่างคุดคู้แต่ผู้เดียว
ให้หวาดเสียวดวงจิตคอยคิดหลอน
กลัวภูตผีสัตว์ร้ายไม่คลายคลอน
ไม่อาจนอนหลับตาทั้งราตรี
☼.....รอนแรมไปหลายวันอาหารหมด
ต้องทนอดทุกข์ไฉนในครานี้
เดินเท้าเปล่ากายระกำช้ำฤดี
เจ้าสามีก็ไม่เอื้อเหลือจะทน
ต่างเหนื่อยอ่อนหวั่นไหวให้โหยหิว
มองทุ่งทิวหญ้าแห้งทุกแห่งหน
ผ่านป่าบ้างทุ่งบ้างต่างจำทน
จนกาลวนเปลี่ยนไปใกล้สนธยา
ฝูงนกกาลาลับกลับคืนเหย้า
ลูกของเจ้าคอยแม่เฝ้าแลหา
ต่างส่งเสียงลั่นไปในพนา
เสียงเจื้อยแจ้วจ๊ะจ๋าประสามัน
สองผัวเมียถึงชานลำธารใหญ่
ระรินไหลใสสะอาดไม่คาดฝัน
ลงดื่มกินอาบกายสบายครัน
ดวงจิตพลันสดชื่นรื่นกมล
<มีต่อ>